ถ้านึกถึงนิยามของรถยนต์จากแบรนด์บูอิกของค่ายจีเอ็มแล้ว คนส่วนใหญ่จะนึกถึงซีดานคันโตหน้าตาเชยๆ รูปทรงโบราณ ซึ่งแน่นอนว่าแบรนด์นี้ในตลาดสหรัฐอเมริกาแทบจะไม่สามารถแจ้งเกิดเพื่อเรียกลูกค้าหน้าใหม่ๆ ได้อีกแล้ว และว่ากันว่ากำลังนับถอยหลังรอวันดับเหมือนกับแบรนด์โอลด์สโมบิลที่กลับบ้านเก่าไปก่อนหน้านี้
แต่สำหรับเมืองจีน บูอิกถือเป็นความหรูที่ได้รับความนิยมอย่างไม่น่าเชื่อ และเรียกว่าน่าจะเป็นตลาดแห่งเดียวที่บูอิกสามารถยืดอกคุยได้อย่างไม่อายใครถึงยอดขายที่ไม่เป็นรองแบรนด์ไหนในตลาด ซึ่งเหตุผลของความสำเร็จว่ากันว่ามาจากความยึดมั่นของคนจีนที่ปักใจเชื่อโดยส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่นว่าแบรนด์บูอิกเป็นรถยนต์ระดับหรูหลังได้รับความนิยมอย่างมากในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งขุนนางและคนชั้นสูงในประเทศนี้มีเอาไว้ใช้กันอย่างแพร่หลาย
และในงานออโต้ ไชน่าครั้งที่ผ่านมา บูอิกเรียกเสียงฮือฮาได้อีกระลอก หลังจากที่เคยทำได้ในปีที่แล้วกับงานโชว์ที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งในครั้งนั้นบูอิกจัดการพลิกแนวทางการออกแบบรถจากทรงเชยๆ หน้าตาโบราณมาสู่ความสปอร์ตและปราดเปรียวด้วยต้นแบบรุ่นริเวียรา ส่วนในปีนี้แนวทางลักษณะนี้ยังดำเนินอย่างต่อเนื่อง และคราวนี้เปลี่ยนแบบมาสู่สปอร์ตซีดานต้นแบบที่จัดแสดงในชื่ออินวิคต้า
งานนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างทีมออกแบบของจีเอ็มในเมืองวอร์เรน มลรัฐมิชิแกนกับศูนย์อาร์แอนด์ดีในเมืองเซี่ยงไฮ้เพื่อสร้างสรรค์ให้อินวิคตามีความสวยสปอร์ตได้อย่างโดดเด่นพร้อมตัวถังทรงซีดาน 4 ประตูที่มีความยาว 4,932 มิลลิเมตร กว้าง 1,874 มิลลิเมตร สูง 1,466 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,908 มิลลิเมตร
นอกจากนั้นยังถือเป็นครั้งแรกที่จีเอ็มนำเครื่องยนต์บล็อกใหม่มาใช้กับบูอิกป็นแบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว เบนซินไดเร็กต์อินเจ็กชัน เทอร์โบ 2,000 ซีซี รีดกำลังออกมาได้ 250 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 30.4 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ส่วนระบบกันสะเทือนให้ความมั่นใจด้วยด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบมัลติลิงก์
เรื่องของโอกาสในการขึ้นไลน์ผลิตนั้น จีเอ็มไม่ได้เปิดเผย แต่ถ้าดูจากรูปทรงโดยรวมแล้วถือว่าอินวิคต้ามีโอกาสอย่างมากที่จะกลายเป็นของจริงสำหรับวางขายตามโชว์รูมเพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อไร ซึ่งถ้าเป็นจริงแล้ว คราวนี้คงช่วยเปลี่ยนมุมมองของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์นี้จากการผลิตรถยนต์ทรงเชยๆ มาสู่ความสปอร์ตที่ดูมีระดับได้ไม่ยาก
