ข่าวในประเทศ - ค่าย “ฟอร์ด” มั่นใจนับจากไตรมาสสองเป็นต้นไป สามารถกู้ยอดขายได้แน่ เหตุสามารถส่งมอบรถเป็นปกติไม่ช้า และปิกอัพ “เรนเจอร์ ไวลด์แทร็ก” ได้รับการตอบรับดี ที่สำคัญช่วงปลายปีนี้เตรียมส่งรถใหม่เขย่า 3 ตลาดรวด ไม่ว่าจะเป็นเก๋งคอมแพ็กต์ ที่จะเปิดตัวโฉมใหม่ของ “โฟกัส” พร้อมเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล เกียร์อัตโนมัติให้ลูกค้าเลือกด้วย เช่นเดียวกับตลาดเอสยูวีที่ส่ง “เอสเคป” ใหม่ ที่ว่ากันว่าจะพัฒนามาจากรุ่นต้นแบบ ที่เผยโฉมในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2007 ปลายปีที่ผ่านมา และพลาดไม่ได้กับตลาดใหญ่สุดในไทย และเป็นตัวธงของค่ายฟอร์ด ปิกอัพ “เรนเจอร์” ซึ่งจะทำการไมเนอร์เชนจ์ออกมารับมือ การปรับโฉมของยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า ไฮลักษซ์ วีโก้” ช่วงปลายปีนี้
ในช่วงไตรมาสแรกแบรนด์รถยนต์หลักในไทย ดูเหมือนจะมีเพียงสองค่ายพันธมิตร “มาสด้า-ฟอร์ด” ที่ตัวเลขติดลบ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งก็พอเข้าใจได้ในส่วนของมาสด้า ที่อยู่ในช่วงการเตรียมเปิดตัวปิกอัพ “บีที-50” โฉมใหม่ ขณะที่เก๋งรุ่น “3” ที่เปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่น E20 ก็เริ่มส่งมอบให้กับลูกค้ามากขึ้น จนมีตัวเลขกลับมาเป็นบวกได้แล้ว แต่ในส่วนของฟอร์ดที่ไม่ได้มีช่วงรอยต่ออะไรนัก กลับปรากฏยอดขายติดลบถึง 23%
“สาเหตุที่ฟอร์ดมียอดขายลดลงช่วงไตรมาสแรกของปีนี้หรือทำได้เพียง 2,473 คัน เนื่องจากการส่งมอบรถยนต์ ฟอร์ด โฟกัส ทำได้ช้า ซึ่งกว่าจะส่งถึงดีลเลอร์ก็เข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ไปแล้ว แต่คาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 ฟอร์ดจะกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นแน่นอน ส่วนตลาดปิกอัพฟอร์ดมีแนะนำใหม่เพียงรุ่นเรนเจอร์ ไวลด์แทร็ก ที่จับตลาดกลุ่มบนและก็ได้รับการยอมรับดี แต่รุ่นมาตรฐานทั่วไปที่เป็นตลาดใหญ่ การแข่งขันมีรุนแรงทำให้ต่างแบ่งๆ กันไป”
สาโรช เกียติเฟื่องฟู รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยและว่า หากมองสภาวะตลาดรถยนต์ช่วงไตรมาสแรก ยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ตลาดรถยนต์ได้ เพราะตัวเลขที่เพิ่มขึ้นกว่า 16% มาจากตลาดรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง ที่เติบโตถึง 39% เนื่องจากผู้บริโภคได้ชะลอการซื้อ เพื่อรอรถที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และมีรถยนต์ขนาดเล็กใหม่เปิดตัวสู่ตลาดหลายรุ่น ทำให้ตลาดรถยนต์มีอัตราการขยายตัวมากขณะที่ตลาดปิกอัพเติบโตเพียง 7% หากสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ เชื่อว่าตลาดทั้งปีตลาดรถยนต์ไทยจะเติบโตเพียงประมาณ 5% เท่านั้น
“ในส่วนของฟอร์ดที่ไม่มีสินค้าใหม่ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา โดยเฉพาะตลาดเก๋งขนาดเล็ก มีเฉพาะฟอร์ด โฟกัส เก๋งคอมแพ็กต์ซีดาน และช่วงต้นที่ผ่านมาก็ส่งมอบล่าช้า แต่ขณะนี้เริ่มลงตัวมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าไตรมาสสองที่จะปรับตัวดีขึ้น โดยในช่วงปลายปีนี้บริษัทฯ ยังเตรียมเปิดตัวเก๋งโฟกัส รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล เกียร์อัตโนมัติ สู่ตลาดอีกหนึ่งรุ่น คาดว่าราคาน่าจะสูงกว่ารุ่นเกียร์ธรรมดาที่ขายอยู่ประมาณ 50,000 บาท”
นั่นคือการเปิดเผยของผู้บริหารฟอร์ด ที่ประเมินสภาวะตลาดรถยนต์ไทย และเปิดเผยแผนการตลาดบางส่วนในปีนี้ แต่ฟอร์ดยังมีทีเด็ดที่เตรียมไว้มากกว่านั้น ไม่ใช่เพียงแค่เก๋ง ฟอร์ด โฟกัส เครื่องยนต์ดีเซล เกียร์อัตโนมัติตัวเดียวเท่านั้น
โดยรายงานข่าวจากฟอร์ดประเทศไทยว่า ในช่วงปลายปีนี้ฟอร์ดจะมีการแนะนำรถยนต์ใหม่ 3 รุ่น ทยอยเปิดตัวสู่ตลาดครอบคลุมทุกเซกเม้นท์ แน่นอนนอกจากเก๋งโฟกัสเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ฟอร์ดยังถือเป็นโอกาสในการปรับโฉม “โฟกัส” ใหม่ทุกรุ่นไปพร้อมกันด้วย
ทั้งนี้ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ เป็นเวอร์ชั่นเดียวกับที่ทำตลาดในยุโรป ซึ่งได้มีการปรับโฉมไปเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการออกแบบไฟหน้าใหม่ขอบด้านบนมีการเล่นระดับให้เว้าลง เพื่อความปราดเปรียว และต้องเปลี่ยนฝากระโปรงหน้าใหม่ เพื่อรับความเปลี่ยนตรงส่วนนี้ ส่วนกันชนหน้าใหม่เพิ่มความดุดันและดูสปอร์ตเพิ่มขึ้น
ขณะที่ด้านท้ายมีการปรับเพียงเล็กน้อย ที่ตำแหน่งของไฟสัญญาณบนไฟท้าย และเปลี่ยนมาใช้หลอดแบบ LED และกันชนท้ายก็ออกแบบใหม่ให้ดูลงตัว ขณะที่เครื่องยนต์ยังจะเป็นบล็อกเดิมในปัจจุบัน เพียงแต่เมืองไทยจะเพิ่มความสำคัญให้กับเครื่องยนต์ดีเซลมากขึ้น เพื่อรับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากการเตรียมแนะนำรุ่นเกียร์อัตโนมัติเข้ามาเสริม จากปัจจุบันเครื่องยนต์ดีเซลมีเฉพาะในรุ่นเกียร์ธรรมดา
ส่วนอีกตลาดที่ฟอร์ดจะรุกในช่วงปลายปีนี้ เป็นรถอเนกประสงค์ หรือเอสยูวีรุ่น “เอสเคป” ที่เคยสร้างยอดขายให้กับฟอร์ดได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ แต่สถานการณ์รถประเภทนี้ไม่ค่อยดีนัก ทำให้ยอดขายตกลงเรื่อยๆ มาเปลี่ยนโฉมใหม่เมื่อปีที่แล้ว กลับไม่ค่อยหวือหวานัก อาจจะเพราะรูปทรงที่ดูไม่แกร่งและปราดเปรียวเหมือนเวอร์ชั่นแรก จึงไม่ค่อยเรียกความสนใจจากผู้บริโภคได้
คราวนี้ฟอร์ดเตรียมจะปรับโฉมใหม่ “เอสเคป” ด้วยรูปทรงที่กลับมาเน้นจุดเดิม แต่ได้เพิ่มความหรูหราและทันสมัยมากขึ้น โดยตามข่าวจะเป็นเวอร์ชั่นที่พัฒนามาจากรุ่นต้นแบบ ที่เผยโฉมในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2007 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งว่ากันว่าโฉมนี่แหละจะเป็นตัวแทนของ ฟอร์ด เอสเคป ใหม่ ที่จะเปิดตัวขายในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และอีกหลายแห่งทั่วโลก
สำหรับเอสเคปที่เผยโฉมในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ ได้มีการออกแบบให้ปราดเปรียว ดังจะเห็นเส้นสายด้านหน้ามีความโค้งมนมากขึ้น กระจังหน้าเป็นแบบ 3 แถวใหญ่ ปลายข้างทั้งสองด้านมีช่องดักอากาศสีเงิน สอดรับกับไฟหน้าที่เรียวยาวพุ่งไปด้านหลัง เพื่อให้มุมมองที่กว้างขึ้น แต่ก็ยังดุดันด้วยกันชนขนาดใหญ่ พร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่ และยังมีอีกจุดที่ไฟตัดหมอก ส่วนเส้นสายตัวถังไปจนถึงด้านหลังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ก็เห็นการเปลี่ยนแปลงพอสมควร โดยเฉพาะไฟท้ายทรงใหม่และเป็นแบบ LED
อีกรุ่นที่ฟอร์ดจะส่งมาเขย่าตลาด แน่นอนย่อมเป็นปิกอัพ “เรนเจอร์” ใหม่ รถตัวธงของฟอร์ด และเป็นตลาดใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งจะถูกส่งออกมารับมือกับยักษ์ใหญ่โตโยต้า ที่จะมีการไมเนอร์เชนจ์ “ไฮลักซ์ วีโก้” ถล่มตลาดช่วงปลายปีนี้
ทั้งนี้เรนเจอร์ใหม่จะเป็นไมเนอร์เชนจ์ เพราะช่วงต้นปีที่ผ่านมา ฟอร์ดเพียงแต่มีการเพิ่มทางเลือกลูกค้ามากขึ้น ด้วยการเปิดตัวรุ่น “เรนเจอร์ ไวด์แทร็ก” ซึ่งเป็นการนำเวอร์ชั่นตกแต่งพิเศษ มาทำตลาดในแบบรุ่นปกติทั่วไป พร้อมกับนำเสนอภาพลักษณ์ตอกย้ำความแกร่งของปิกอัพ ฟอร์ด เรนเจอร์ กับผู้บริโภคเท่านั้น ไม่ใช่การปรับโฉมแต่อย่างใด เวอร์ชั่นที่จะแนะนำสู่ตลาดปลายปีนี้ จึงเป็นการปรับโฉมที่แท้จริงของฟอร์ด
ทั้งหมดคือแผนของฟอร์ดที่รุกตลาดในปีนี้ แต่จะสามารถช่วยดันยอดขาย ที่หายไปเยอะช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ได้ทันสถานการณ์หรือไม่? คงต้องลุ้นเหนื่อยพอสมควร หากช่วงไตรมาสสองและสาม ไม่เร่งสปีดผลักดันยอดขายให้ตีตื้นขึ้นมาได้ก่อน!!
ในช่วงไตรมาสแรกแบรนด์รถยนต์หลักในไทย ดูเหมือนจะมีเพียงสองค่ายพันธมิตร “มาสด้า-ฟอร์ด” ที่ตัวเลขติดลบ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งก็พอเข้าใจได้ในส่วนของมาสด้า ที่อยู่ในช่วงการเตรียมเปิดตัวปิกอัพ “บีที-50” โฉมใหม่ ขณะที่เก๋งรุ่น “3” ที่เปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่น E20 ก็เริ่มส่งมอบให้กับลูกค้ามากขึ้น จนมีตัวเลขกลับมาเป็นบวกได้แล้ว แต่ในส่วนของฟอร์ดที่ไม่ได้มีช่วงรอยต่ออะไรนัก กลับปรากฏยอดขายติดลบถึง 23%
“สาเหตุที่ฟอร์ดมียอดขายลดลงช่วงไตรมาสแรกของปีนี้หรือทำได้เพียง 2,473 คัน เนื่องจากการส่งมอบรถยนต์ ฟอร์ด โฟกัส ทำได้ช้า ซึ่งกว่าจะส่งถึงดีลเลอร์ก็เข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ไปแล้ว แต่คาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 ฟอร์ดจะกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นแน่นอน ส่วนตลาดปิกอัพฟอร์ดมีแนะนำใหม่เพียงรุ่นเรนเจอร์ ไวลด์แทร็ก ที่จับตลาดกลุ่มบนและก็ได้รับการยอมรับดี แต่รุ่นมาตรฐานทั่วไปที่เป็นตลาดใหญ่ การแข่งขันมีรุนแรงทำให้ต่างแบ่งๆ กันไป”
สาโรช เกียติเฟื่องฟู รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยและว่า หากมองสภาวะตลาดรถยนต์ช่วงไตรมาสแรก ยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ตลาดรถยนต์ได้ เพราะตัวเลขที่เพิ่มขึ้นกว่า 16% มาจากตลาดรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง ที่เติบโตถึง 39% เนื่องจากผู้บริโภคได้ชะลอการซื้อ เพื่อรอรถที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และมีรถยนต์ขนาดเล็กใหม่เปิดตัวสู่ตลาดหลายรุ่น ทำให้ตลาดรถยนต์มีอัตราการขยายตัวมากขณะที่ตลาดปิกอัพเติบโตเพียง 7% หากสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ เชื่อว่าตลาดทั้งปีตลาดรถยนต์ไทยจะเติบโตเพียงประมาณ 5% เท่านั้น
“ในส่วนของฟอร์ดที่ไม่มีสินค้าใหม่ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา โดยเฉพาะตลาดเก๋งขนาดเล็ก มีเฉพาะฟอร์ด โฟกัส เก๋งคอมแพ็กต์ซีดาน และช่วงต้นที่ผ่านมาก็ส่งมอบล่าช้า แต่ขณะนี้เริ่มลงตัวมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าไตรมาสสองที่จะปรับตัวดีขึ้น โดยในช่วงปลายปีนี้บริษัทฯ ยังเตรียมเปิดตัวเก๋งโฟกัส รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล เกียร์อัตโนมัติ สู่ตลาดอีกหนึ่งรุ่น คาดว่าราคาน่าจะสูงกว่ารุ่นเกียร์ธรรมดาที่ขายอยู่ประมาณ 50,000 บาท”
นั่นคือการเปิดเผยของผู้บริหารฟอร์ด ที่ประเมินสภาวะตลาดรถยนต์ไทย และเปิดเผยแผนการตลาดบางส่วนในปีนี้ แต่ฟอร์ดยังมีทีเด็ดที่เตรียมไว้มากกว่านั้น ไม่ใช่เพียงแค่เก๋ง ฟอร์ด โฟกัส เครื่องยนต์ดีเซล เกียร์อัตโนมัติตัวเดียวเท่านั้น
โดยรายงานข่าวจากฟอร์ดประเทศไทยว่า ในช่วงปลายปีนี้ฟอร์ดจะมีการแนะนำรถยนต์ใหม่ 3 รุ่น ทยอยเปิดตัวสู่ตลาดครอบคลุมทุกเซกเม้นท์ แน่นอนนอกจากเก๋งโฟกัสเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ฟอร์ดยังถือเป็นโอกาสในการปรับโฉม “โฟกัส” ใหม่ทุกรุ่นไปพร้อมกันด้วย
ทั้งนี้ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ เป็นเวอร์ชั่นเดียวกับที่ทำตลาดในยุโรป ซึ่งได้มีการปรับโฉมไปเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการออกแบบไฟหน้าใหม่ขอบด้านบนมีการเล่นระดับให้เว้าลง เพื่อความปราดเปรียว และต้องเปลี่ยนฝากระโปรงหน้าใหม่ เพื่อรับความเปลี่ยนตรงส่วนนี้ ส่วนกันชนหน้าใหม่เพิ่มความดุดันและดูสปอร์ตเพิ่มขึ้น
ขณะที่ด้านท้ายมีการปรับเพียงเล็กน้อย ที่ตำแหน่งของไฟสัญญาณบนไฟท้าย และเปลี่ยนมาใช้หลอดแบบ LED และกันชนท้ายก็ออกแบบใหม่ให้ดูลงตัว ขณะที่เครื่องยนต์ยังจะเป็นบล็อกเดิมในปัจจุบัน เพียงแต่เมืองไทยจะเพิ่มความสำคัญให้กับเครื่องยนต์ดีเซลมากขึ้น เพื่อรับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากการเตรียมแนะนำรุ่นเกียร์อัตโนมัติเข้ามาเสริม จากปัจจุบันเครื่องยนต์ดีเซลมีเฉพาะในรุ่นเกียร์ธรรมดา
ส่วนอีกตลาดที่ฟอร์ดจะรุกในช่วงปลายปีนี้ เป็นรถอเนกประสงค์ หรือเอสยูวีรุ่น “เอสเคป” ที่เคยสร้างยอดขายให้กับฟอร์ดได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ แต่สถานการณ์รถประเภทนี้ไม่ค่อยดีนัก ทำให้ยอดขายตกลงเรื่อยๆ มาเปลี่ยนโฉมใหม่เมื่อปีที่แล้ว กลับไม่ค่อยหวือหวานัก อาจจะเพราะรูปทรงที่ดูไม่แกร่งและปราดเปรียวเหมือนเวอร์ชั่นแรก จึงไม่ค่อยเรียกความสนใจจากผู้บริโภคได้
คราวนี้ฟอร์ดเตรียมจะปรับโฉมใหม่ “เอสเคป” ด้วยรูปทรงที่กลับมาเน้นจุดเดิม แต่ได้เพิ่มความหรูหราและทันสมัยมากขึ้น โดยตามข่าวจะเป็นเวอร์ชั่นที่พัฒนามาจากรุ่นต้นแบบ ที่เผยโฉมในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2007 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งว่ากันว่าโฉมนี่แหละจะเป็นตัวแทนของ ฟอร์ด เอสเคป ใหม่ ที่จะเปิดตัวขายในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และอีกหลายแห่งทั่วโลก
สำหรับเอสเคปที่เผยโฉมในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ ได้มีการออกแบบให้ปราดเปรียว ดังจะเห็นเส้นสายด้านหน้ามีความโค้งมนมากขึ้น กระจังหน้าเป็นแบบ 3 แถวใหญ่ ปลายข้างทั้งสองด้านมีช่องดักอากาศสีเงิน สอดรับกับไฟหน้าที่เรียวยาวพุ่งไปด้านหลัง เพื่อให้มุมมองที่กว้างขึ้น แต่ก็ยังดุดันด้วยกันชนขนาดใหญ่ พร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่ และยังมีอีกจุดที่ไฟตัดหมอก ส่วนเส้นสายตัวถังไปจนถึงด้านหลังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ก็เห็นการเปลี่ยนแปลงพอสมควร โดยเฉพาะไฟท้ายทรงใหม่และเป็นแบบ LED
อีกรุ่นที่ฟอร์ดจะส่งมาเขย่าตลาด แน่นอนย่อมเป็นปิกอัพ “เรนเจอร์” ใหม่ รถตัวธงของฟอร์ด และเป็นตลาดใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งจะถูกส่งออกมารับมือกับยักษ์ใหญ่โตโยต้า ที่จะมีการไมเนอร์เชนจ์ “ไฮลักซ์ วีโก้” ถล่มตลาดช่วงปลายปีนี้
ทั้งนี้เรนเจอร์ใหม่จะเป็นไมเนอร์เชนจ์ เพราะช่วงต้นปีที่ผ่านมา ฟอร์ดเพียงแต่มีการเพิ่มทางเลือกลูกค้ามากขึ้น ด้วยการเปิดตัวรุ่น “เรนเจอร์ ไวด์แทร็ก” ซึ่งเป็นการนำเวอร์ชั่นตกแต่งพิเศษ มาทำตลาดในแบบรุ่นปกติทั่วไป พร้อมกับนำเสนอภาพลักษณ์ตอกย้ำความแกร่งของปิกอัพ ฟอร์ด เรนเจอร์ กับผู้บริโภคเท่านั้น ไม่ใช่การปรับโฉมแต่อย่างใด เวอร์ชั่นที่จะแนะนำสู่ตลาดปลายปีนี้ จึงเป็นการปรับโฉมที่แท้จริงของฟอร์ด
ทั้งหมดคือแผนของฟอร์ดที่รุกตลาดในปีนี้ แต่จะสามารถช่วยดันยอดขาย ที่หายไปเยอะช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ได้ทันสถานการณ์หรือไม่? คงต้องลุ้นเหนื่อยพอสมควร หากช่วงไตรมาสสองและสาม ไม่เร่งสปีดผลักดันยอดขายให้ตีตื้นขึ้นมาได้ก่อน!!