ข่าวในประเทศ - ค่ายฟอร์ดประเดิมรุกตลาดปิกอัพปีหมู ปรับภาพลักษณ์เรนเจอร์ใหม่ ภายใต้แนวคิดปิกอัพ 100% พร้อมส่งรุ่นไวลด์แทร็กขายเป็นโมเดลปกติ 4 รุ่น มั่นใจดันยอดพุ่งเป็น 1.2 พันคันต่อเดือน แต่ยังมองตลาดรวมรถไม่โตแรงนัก จากปัจจัยลบราคาน้ำมัน และการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ ที่ได้รับผลจากแก๊งแชร์รถยนต์
นายสาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผยว่า ฟอร์ดปีนี้มีความพร้อมที่จะรุกตลาดปิกอัพ โดยได้มีการปรับภาพลักษณ์ให้เรนเจอร์ใหม่ ภายใต้แนวคิดปิกอัพ 100% เพื่อนำเสนอให้เห็นความโดดเด่นของเรนเจอร์ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความแกร่ง ประหยัด ปลอดภัย และสะดวกสบาย
“เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ดังกล่าว จึงได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาใหม่ และแนะนำปิกอัพเรนเจอร์ ไวลด์แทรค เพื่อขายเป็นโมเดลปกติ 4 รุ่น จากเดิมที่เคยทำเป็นเวอร์ชั่นพิเศษจำนวนจำกัด และมีเฉพาะรุ่นท๊อปแบบขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น ทำให้ราคาจำหน่ายสูงมาก ลูกค้าที่ซื้อได้จึงมีเฉพาะกลุ่ม แต่ครั้งนี้ได้เพิ่มรุ่นไฮ-ไรเดอร์เข้ามาตกแต่งสไตล์ไวลด์แทรค โดยมีราคาเริ่มต้นแค่ 6.93 แสนบาท คาดว่าจะสามารถขยายลูกค้าได้มากขึ้น”
ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าของไฮ-ไรเดอร์ มีสัดส่วนมากเป็นอันดับสองของปิกอัพฟอร์ด หรือที่ประมาณ 30% มากที่สุดเป็นปิกอัพรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อธรรมดากว่า 40-50% ซึ่งจากการเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า น่าจะส่งผลให้ปิกอัพฟอร์ดมียอดขายมากขึ้น จากเดิมเฉลี่ยเดือนละประมาณ 1,000 คัน คาดว่าจะเพิ่มเป็น 1,200 คันต่อเดือน
นายสาโรชกล่าวว่า จากเป้าหมายเพิ่มขึ้นของฟอร์ด เรนเจอร์ เชื่อว่าส่งผลให้ฟอร์ดบรรลุเป้าหมายในการรักษาส่วนแบ่งการตลาดที่ 2.5% ของตลาดรวม และในส่วนของรถยนต์นั่ง ฟอร์ด โฟกัส น่าจะมียอดขายเดือนละ 150 คัน ซึ่งในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2008 จะมีการนำรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเข้ามาขายล็อตใหม่ 20 คัน ส่วนเอสยูวีรุ่นเอสเคปตั้งเป้ายอดขายเดือนละ 30-40 คัน และรุ่นเอเวอเรสต์ 100 คัน โดยยังมองว่าตลาดรวมน่าจะอยู่ที่ 6.5 แสนคันเหมือนที่เคยคาดการณ์ไว้
“ตัวเลขที่ฟอร์ดประเมินยอดขายรถยนต์ไทยปีนี้ น่าจะใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด เพราะหากพิจารณายอดขายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำได้เพียง 4.4 หมื่นคัน ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่าน ทั้งที่มีการชะลอกำลังซื้อบางส่วนเมื่อปลายปีที่แล้ว เพื่อรอรถที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 แต่ตัวเลขที่ปรากฏออกมาปีนี้กลับไม่เติบโต ฟอร์ดจึงมองว่าภาพรวมตลาดในปีนี้ ยังจะไม่ขยายตัวมากนัก หรือกลับมาที่ 7 แสนคัน เหมือนที่บางยี่ห้อประเมิน”
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลไม่ให้ตลาดเติบโตมาก มาจากเรื่องของราคาน้ำมัน และการปล่อยเช่าซื้อของผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อเป็นหลัก ยิ่งขณะนี้เกิดกรณีแก๊งหลอกลวงแชร์รถยนต์ ย่อมส่งผลให้ไฟแนนซ์ระมัดระวังการปล่อยสินค้ามากขึ้น และฟอร์ดได้มีการเตือนเรื่องนี้กับดีลเลอร์และไฟแนนซ์แล้ว ซึ่งหากปัญหานี้รุกลามจะยิ่งส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดรถยนต์มากด้วย
นายสาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผยว่า ฟอร์ดปีนี้มีความพร้อมที่จะรุกตลาดปิกอัพ โดยได้มีการปรับภาพลักษณ์ให้เรนเจอร์ใหม่ ภายใต้แนวคิดปิกอัพ 100% เพื่อนำเสนอให้เห็นความโดดเด่นของเรนเจอร์ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความแกร่ง ประหยัด ปลอดภัย และสะดวกสบาย
“เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ดังกล่าว จึงได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาใหม่ และแนะนำปิกอัพเรนเจอร์ ไวลด์แทรค เพื่อขายเป็นโมเดลปกติ 4 รุ่น จากเดิมที่เคยทำเป็นเวอร์ชั่นพิเศษจำนวนจำกัด และมีเฉพาะรุ่นท๊อปแบบขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น ทำให้ราคาจำหน่ายสูงมาก ลูกค้าที่ซื้อได้จึงมีเฉพาะกลุ่ม แต่ครั้งนี้ได้เพิ่มรุ่นไฮ-ไรเดอร์เข้ามาตกแต่งสไตล์ไวลด์แทรค โดยมีราคาเริ่มต้นแค่ 6.93 แสนบาท คาดว่าจะสามารถขยายลูกค้าได้มากขึ้น”
ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าของไฮ-ไรเดอร์ มีสัดส่วนมากเป็นอันดับสองของปิกอัพฟอร์ด หรือที่ประมาณ 30% มากที่สุดเป็นปิกอัพรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อธรรมดากว่า 40-50% ซึ่งจากการเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า น่าจะส่งผลให้ปิกอัพฟอร์ดมียอดขายมากขึ้น จากเดิมเฉลี่ยเดือนละประมาณ 1,000 คัน คาดว่าจะเพิ่มเป็น 1,200 คันต่อเดือน
นายสาโรชกล่าวว่า จากเป้าหมายเพิ่มขึ้นของฟอร์ด เรนเจอร์ เชื่อว่าส่งผลให้ฟอร์ดบรรลุเป้าหมายในการรักษาส่วนแบ่งการตลาดที่ 2.5% ของตลาดรวม และในส่วนของรถยนต์นั่ง ฟอร์ด โฟกัส น่าจะมียอดขายเดือนละ 150 คัน ซึ่งในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2008 จะมีการนำรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเข้ามาขายล็อตใหม่ 20 คัน ส่วนเอสยูวีรุ่นเอสเคปตั้งเป้ายอดขายเดือนละ 30-40 คัน และรุ่นเอเวอเรสต์ 100 คัน โดยยังมองว่าตลาดรวมน่าจะอยู่ที่ 6.5 แสนคันเหมือนที่เคยคาดการณ์ไว้
“ตัวเลขที่ฟอร์ดประเมินยอดขายรถยนต์ไทยปีนี้ น่าจะใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด เพราะหากพิจารณายอดขายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำได้เพียง 4.4 หมื่นคัน ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่าน ทั้งที่มีการชะลอกำลังซื้อบางส่วนเมื่อปลายปีที่แล้ว เพื่อรอรถที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 แต่ตัวเลขที่ปรากฏออกมาปีนี้กลับไม่เติบโต ฟอร์ดจึงมองว่าภาพรวมตลาดในปีนี้ ยังจะไม่ขยายตัวมากนัก หรือกลับมาที่ 7 แสนคัน เหมือนที่บางยี่ห้อประเมิน”
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลไม่ให้ตลาดเติบโตมาก มาจากเรื่องของราคาน้ำมัน และการปล่อยเช่าซื้อของผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อเป็นหลัก ยิ่งขณะนี้เกิดกรณีแก๊งหลอกลวงแชร์รถยนต์ ย่อมส่งผลให้ไฟแนนซ์ระมัดระวังการปล่อยสินค้ามากขึ้น และฟอร์ดได้มีการเตือนเรื่องนี้กับดีลเลอร์และไฟแนนซ์แล้ว ซึ่งหากปัญหานี้รุกลามจะยิ่งส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดรถยนต์มากด้วย
