xs
xsm
sm
md
lg

เจาะ3กลยุทธ์“กู๊ดเยียร์” หวังปักธงที่2ในไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวในประเทศ - กู๊ดเยียร์ปรับทิศทางครั้งใหญ่หลังตลาดยางรถยนต์แข่งเดือด ประกาศ 3 กลยุทธ์เน้นพัฒนาคน สินค้า และแผนการตลาด ล่าสุดปล่อยอาวุธเด็ดชิมลางก่อนด้วยยาง"แอสชัวร์รัน"เจาะตลาดเก๋งขนาดกลาง-เล็ก พร้อมชูจุดเด่นการเกาะถนนที่ดีทั้งพื้นแห้ง-พื้นเปียกและรีดน้ำยอดเยี่ยม หลังจากนั้นเตรียมผลิตภัณฑ์ใหม่ลุยทุกไตรมาส ลั่นปีนี้ขึ้นแท่นอันดับ 2 ตลาดไทยชัวร์และโตแน่ 3 เปอร์เซ็นต์

นายริชาร์ด เฟลมมิง กรรมการผู้จัดการ กู๊ดเยียร์ (ประเทศไทย) จำกัด และภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก เปิดเผยว่าปัจจุบันตลาดยางรถยนต์ในประเทศไทยมีการแข่งขันกันสูง เนื่องจากผู้ประกอบการที่ตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจาก 3 ราย เป็น 5-6 ราย ประกอบกับมีการนำเข้ายางรถยนต์จากเกาหลีใต้และจีนเข้ามาตีตลาดยางเพิ่มขึ้น จึงทำให้บริษัทต้องเร่งปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นระบบบริหารจัดการภายในองค์กร แผนงานการตลาด รวมถึงตัวผลิตภัณฑ์

สำหรับตัวผลิตภัณฑ์บริษัทหันมาเน้นการทำตลาดรถยนต์นั่งขนาดกลางและขนาดเล็กซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนถึง 30% ของยางในตลาดเอเซีย แปซิฟิคทั้งหมด 22.5 ล้านเส้นต่อปีและล่าสุดได้เปิดตัวยางรุ่นใหม่ แอสชัวร์รัน (Assurance) เป็นครั้งแรกที่ประเทศมาเลเซีย

“ปีนี้กู๊ดเยียร์พยายามเสริมศักยภาพในทุกๆด้านโดยเฉพาะความแข็งแกร่งในตัวสินค้า ดั่งจะเห็นได้จากยางแอสชัวร์รัน ที่มีจุดเด่นการเกาะถนนในทุกสภาพอากาศ เราจะมองไปที่การเป็นผู้นำในการผลิตยางรถยนต์ไฮเทคโนโลยีด้วยการนำเคฟลาร์มาใส่ไว้ในยางรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไป”

คุณสมบัติของยางรุ่นใหม่จะเน้นความนุ่มเงียบ รีดน้ำได้ดี เกาะถนนเปียก ซึ่งจุดเด่นดังกล่าวถือเป็นจุดขายที่ไม่มีในตลาดยางรถยนต์เมืองไทย ขณะที่แผนงานในระยะยาวเราได้เตรียมแนะนำยางรุ่นใหม่ๆเข้าสู่ตลาดทุกๆ 3 เดือน เพื่อสร้างความสดใหม่พร้อมรองรับทุกความต้องการของลูกค้า และมีความเชื่อมั่นว่าตลาดยางรถยนต์ในประเทศไทยจะกลับมาสดใสอีกครั้งเนื่องจากมีการปรับแผนเศรษฐกิจของคณะรัฐบาล

นายริชาร์ดยังกล่าวเสริมว่าสิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปกับการเปิดตัวสินค้าใหม่และแผนการตลาดคือ การสร้างเครือขายการจัดจำหน่าย ซึ่งปัจจุบันแบ่งออกเป็นการขายส่งให้ผู้ค้ารายใหญ่ และค้าปลีกผ่านทางดีลเลอร์กู๊ดเยียร์อีเกิ้ลสโตร์ 75 สาขา รวมถึงกู๊ดเยียร์ เซอร์วิส เซ็นเตอร์ อีก 53 ร้านค้าทั่วประเทศ เพื่อให้บริษัทก้าวขึ้นมามีส่วนแบ่งตลาดเป็นที่ 2 ให้ได้ ขณะที่ปัจจุบันมีผู้นำตลาดอย่างบริจสโตนและมิชลิน ครองตำแหน่งอันดับหนึ่ง- สองตามลำดับ

การปรับกลยุทธ์ใหม่ในปีนี้บริษัทใช้หลักการ 3P คือ PEOPLE-,PROCESS และ PRODUCT ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกันทั้ง 3 P คือ เมื่อบุคลากรมีประสิทธิภาพมากขึ้นก็จะส่งผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพ ในกระบวนการทำงาน และเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกันบริษัทจะนำประสบการณ์การทำงานกของกู๊ดเยียร์จากหลายประเทศ มาประยุกต์ใช้กับการทำงานในประเทศไทยด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการปรับโครงสร้างรูปแบบของร้านค้าตัวแทนจำหน่ายยางกู๊ดเยียร์ใหม่ เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนการครอบครองรถยนต์ระหว่างผู้ชายและผู้หญิงในประเทศไทย มีอัตราส่วนเท่าเทียบกัน แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการเลือกซื้อยางรถยนต์มากนัก และไม่ค่อยสะดวกใจกับการเดินเข้าไปเลือกซื้อยางรถยนต์ในร้านยาง บริษัท ฯ จึงวางกลยุทธ์ที่จะสร้างบรรยากาศการซื้อยางใน ร้านค้าขึ้นใหม่ เพื่อรองรับกลุ่มผู้ซื้อที่เป็นผู้หญิง และต้องมีสินค้าที่หลากหลาย ตรงตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งในส่วนนี้ได้มีการพูดคุยกับตัวแทนจำหน่ายแล้ว ทั้งยังมีการพูดคุยกับตัวแทนจำหน่ายแล้วว่าจะต้องปรับปรุงโครงสร้างการค้าปลีกให้เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น


ในส่วนของ กู๊ดเยียร์ อีเกิ้ลสโตร์ จะมีการขยายสาขาตามความเหมาะสม ซึ่งประเด็นสำคัญอาจไม่ได้อยู่ที่การเพิ่มสาขาเพียงอย่างเดียว แต่จะมองไปที่ยุทธศาสตร์เป็นภูมิภาค ทั้งการบริการ และโปรโมชั่น หรือแคมเปญต่างๆจะต้องสอดคล้องในทิศทางเดียวกัน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท และในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมากู๊ดเยียร์มีการปรับทีมงานในระดับบริหารไปแล้วกว่า 60% ขณะเดียวกันภาพลักษณ์กู๊ดเยียร์ยังเป็นที่ยอมรับของลูกค้ามากนักแต่เราเชื่อมั่นว่ากำลังเดินมาถูกทางแล้ว

นอกจากนี้บริษัทยังจัดสรรงบการตลาดสำหรับการจัดกิจกรรมและโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆให้มากขึ้น เพื่อให้บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดยางเพิ่มขึ้นและก้าวสู่อันดับ 2 ของไทยให้ได้ซึ่งเรามั่นใจว่าจะต้องประสบความสำเร็จในอีกไม่ช้า

สำหรับยาง แอสชัวร์รันรุ่นล่าสุดใช้เทคโนโลยีที่มีชื่อว่า อาร์เมอร์กริป (ArmorGrip TechnologyTM ) ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่รถยนต์ในการควบคุมการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะในสภาพถนนที่เปียกหรือแห้ง แม้แต่ถนนที่มีสภาพขรุขระเต็มไปด้วยหินและหลุมบ่อซึ่งไม่เหมาะสำหรับการขับขี่รถเลยก็ตาม รวมถึงระยะการเบรกที่สั้นกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกันถึง 10% บนพื้นเปียกและ 5% บนพื้นแห้ง

ขณะเดียวกันการเพิ่มลายดอกเรียบถึง 5 แนว เพิ่มความแข็งแกร่งของเนื้อยางด้วยสูตรซิลิก้าช่วยในการเข้าโค้งมากกว่ารุ่นเดิมถึง 7.5% โดยเฉพาะถนนในประเทศไทยที่มักจะมีน้ำขังบนผิวถนนในหลายพื้นที่ ผู้ใช้รถต้องประสบปัญหาขับรถบนถนนที่เปียกชื้นเป็นประจำ ซึ่งในสภาพแวดล้อมแบบนี้จำเป็นต้องพึ่งพาประสิทธิภาพและสมรรถนะของยางรถยนต์ให้ช่วยขับขี่รถได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีเคฟลาร์สามารถดูดซับเสียงในห้องโดยสารให้เบาลง โดยมีให้เลือก 10 ขนาดคือ 175/65R14, 185/60R14, 185/65R14, 185/70R14, 185/55R15, 185/60R15, 195/50R15, 195/55R15, 195/60R15, 195/65R15

“ยางรุ่นล่าสุดนี้ทีมพัฒนาของกู๊ดเยียร์ได้มีการพัฒนาคิดค้นเป็นเวลากว่า 2 ปี รวมถึงการวิจัยตลาดความต้องการของผู้บริโภคที่เน้นเรื่องความปลอดภัย ความทนทาน ที่สำคัญเราต้องการให้แอสชัวร์รันเข้ามาเสริมตลาดยางเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าครบทุกประเภท โดยจะวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วภูมิภาคเอเซีย แปซิฟิคภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนตลาดในประเทศไทยจะมีทั้งหมด 10 ขนาด”

ปัจจุบัน กู๊ดเยียร์มีโรงงานผลิตยางรถยนต์ ในอาเซียน 4 แห่ง ประกอบด้วย ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โรงงานในไทย มีกำลังผลิตยางรถยนต์ 7,200 เส้นต่อวัน รองรับการส่งออก และขายในประทศ ทั้งตลาดทดแทน(REM) รวมถึงตลาดโรงงานประกอบรถยนต์(OEM)ส่วนตลาดรวมในประเทศนั้นมีประมาณ 14 ล้านเส้นต่อปี แบ่งเป็นตลาดโออีเอ็ม 60% หรื อประมาณ 8.8 ล้านเส้น ที่เหลืออีก40% หรือประมาณ 5.2 ล้านเส้น จะเป็นตลาดอาร์อีเอ็ม สำหรับยอดขายในประเทศของบริษัทปีนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 2-3%จากปีที่ผ่านมาหรือประมาณครึ่งหนึ่งของจีดีพีทั้งหมด

กำลังโหลดความคิดเห็น