ติดตามกันต่อสำหรับรถใหม่-สด-ซิง ของงาน "มอเตอร์โชว์" ในปี 2008 นี้ อย่างไรก็อย่าพลาดไปชมงานกันให้ได้
หากเป็นรถที่สร้างสีสันให้ผู้มาชมงานได้ซี้ดปากแล้ว คงต้องยกให้กับค่าย “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ที่เปิดตัวรถสปอร์ตโรดสเตอร์พร้อมกันถึง 2 รุ่น และเป็นพวงมาลัยขวาคันแรกของโลก เพื่อให้เศรษฐีไทยกระเป่าหนักได้เลือกจ่าย พร้อมกันนี้ยังเพิ่มทางเลือกใหม่ให้สาวกดาวสามแฉก ส่งพรีเมี่ยมเอสยูวีรุ่นพิเศษ ML 280 CDI Edition และรถหรูระดับเฟิร์สคลาส S320 CDi รวมถึงเพิ่มทางเลือกกับ C230 2.5 AVANTGARDE ตัวท็อปของซี-คลาส มาเขย่าตลาดรถหรูรุ่นเล็ก ในราคา 3.49 ล้านบาท
สำหรับสปอร์ตหรู 2 รุ่น คือ เมอร์ซเดส-เบนซ์ เอสแอล350 (SL 350) ได้พัฒนาเครื่องยนต์ V6 เดิม ให้ขับขี่เป็นสปอร์ตยิ่งขึ้น กำลังเพิ่มขึ้นเป็น 315 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที ทำเวลาจาก 0 -100 ในเวลา 6.2 วินาที เร็วกว่าเดิม 0.4 วินาที มีราคาอยู่ที่ 11.79 ล้านบาท ส่วนอีกรุ่น “เอสแอลเค 200เค” (SLK200K) ออกแบบโดดเด่นสไตล์สปอร์ต 2 ที่นั่ง วางเครื่องยนต์ 4 สูบ ซูเปอร์ชาร์จ 184 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร ที่ 2,800-5,000 รอบ/นาที ทำเวลา 0-100 ในเวลา 7.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 232 กม./ชม. สนนราคา 4.5 ล้านบาท
เมื่อแบรนด์คู่แข่งขนรถนำเข้ามาลุย มีหรือที่ค่ายใบพัดสีฟ้า “บีเอ็มดับเบิลยู” จะยอมงานนี้ นำเข้ารถรุ่นใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม3 คูเป้ (M3 Coupe) ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ของสปอร์ตรุ่นเล็กในตระกูลเอ็ม3 ที่มากับเครื่องยนต์ใหม่แบบ High performance engine ขนาด 4.0 ลิตร วี 8 สูบ ทวินแคม 32 วาล์ว 420 แรงม้าที่ 8,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม.ที่ 3,900 รอบ/นาที เกียร์แบบธรรมดา 6 จังหวะ ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาแค่ 4.8 วินาที ราคาขาย 9.9 ล้านบาท และส่งรถนำเข้าอีกรุ่น บีเอ็มดับเบิลยู 630ไอ(BMW 630i) ซึ่งโดดเด่นด้วยดีไซน์และสมรรถนะเครื่องยนต์ ราคาขายอยู่ที่ 9.2 ล้านบาท มาลุยพร้อมกัน
ไม่เพียงเท่านั้นบีเอ็มดับเบิลยูยังเพิ่มทางเลือก ให้กับซีรี่ส์3 ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ในรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู 320ดี (BMW320d) มีสมรรถนะยอดเยี่ยม ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 8 วินาที ใช้เชื้อเพลิงเพียง 16.6 กม./ลิตร และยังสามารถใช้น้ำมัน B2 ในมราคาจำหน่าย 2,849,000 บาท
ส่วนผู้ที่ชื่นชอบความแรงในร่างรถบ้าน นี่เลย “ซูบารุ อิมเพรซ่า เอสทีไอ”(Impreza STi) คู่แข่งของ “แลนเซอร์ อีโวลูชั่น เอ็กซ์” ซึ่งเวอร์ชันเอสทีไอใหม่ใช้พื้นฐานเดียวกับอิมเพรซา แฮทช์แบ็ก 5 ประตู เสริมแต่งรูปลักษณ์อิงจากตัวแข่งแรลลี่โลก WRC โดยอิมเพรซ่า เอสทีไอ เครื่องยนต์เป็นแบบ 4 สูบนอนยัน หรือบ็อกเซอร์ ทวินแคม 16 วาล์ว 2,000 ซีซี เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ที่รีดกำลังออกมาได้ 308 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 43.0 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที
หรือหากชอบความแรงแบบสปอร์ตซีดาน คงต้องมาดูบูธ “จากัวร์” ที่จะนำ “เอ็กซ์เอฟ” ซึ่งเป็นรถยนต์สายพันธุ์ใหม่ของจากัวร์ ที่พัฒนามาเพื่อแทนรุ่นเอส-ไทป์ ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการแข่งขันกับบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์5, ออดี้ เอ6 และเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส โดยเอ็กซ์เอฟรูปลักษณ์ออกแบบภายใต้แนวคิด ‘Sedan Within Coupe’ เครื่องยนต์แม้จะมีหลายรุ่นให้เลือก แต่คาดนำรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน วี6 ทวินแคม 24 วาล์ว 3.0 ลิตร 240 แรงม้า ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 29.8 กก.-ม. ที่ 4,100 รอบ/นาที มาทำตลาดในไทย
เมื่อชมดูหลายรุ่นแล้วยังไม่ถูกใจ ลองมาดูรถยนต์โฉมใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดโลกแบบสดซิ่งๆ และไทยเป็นแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน นั่นก็คือ “ออดี้ เอ4” (Audi A4) รถยนต์ที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยว แต่มีขนาดกว้างขวางใหญ่ที่สุด เมื่อเทียบกับรถคู่แข่งในระดับเดียวกัน อย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส หรือบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์3 ออดี้ เอ4 วางเครื่องยนต์ 1.8 TFSI ที่ให้กำลังสูง 160 แรงม้า ที่ 4,500 – 6,200 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 – 4,500 รอบ/นาที ใช้ระบบเกียร์ multitronic + tiptronic 8 สปีด ทำความเร็วสูงสุด 218 กม. /ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 13.51 กม./ลิตร
ส่วนใครที่ชื่นชอบรถขับขี่คล่องตัว แต่สมรรถนะดีเยี่ยม ต้องมาสัมผัส “มินิ คลับแมน” (Clubman) ซึ่งมาพร้อมกับนวัตกรรมที่เรียกว่า “Door Concept” ด้วยการออกแบบให้มีถึง 5 ประตู โดยคลับแมนวางเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 120 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 160 นิวตัน-เมตร ที่ 4,250 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 9.8 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 201 กม./ชม. มีให้เลือก 2 รุ่น คือ คูเปอร์ คลับแมน ราคา 2.7 ล้านบาท และ คูเปอร์ เอส คลับแมน 3.2 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ มินิ ประเทศไทย ยังได้นำรุ่นเปิดประทุน MINI Convertible Sidewalk ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของโมเดล MINI R52 โดยวางเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร 170 แรงม้า ที่รอบ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ราคาอยู่ที่ 3.1 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หากใครยังไม่ใช่แฟนรถที่กล่าวมา และชื่นชอบรถประเภทเอสยูวี ต้องมาที่บูธ “มิตซูบิชิ” ซึ่งได้นำเข้า “ปาเจโร่” มาเรียกสาวกในอดีตกลับมาคึกคักอีกครั้ง และการเปิดตัวปาเจโรครั้งนี้ ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ความแกร่ง ปูทางให้กับรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นใหม่ ที่ใช้พื้นฐานจากปิกอัพ มิตซูบิชิ ไทรทัน ซึ่งต่างได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี มาจากการรายการแรลลี่สุดหฤโหดสนาม “ดาการ์ มาเหมือนกัน โดยรถอเนกประสงค์ใหม่จะเปิดตัวปลายปี 2551 นี้
มิตซูบิชิ ปาเจโร่ เอ็กซ์ซีด (PAJERO EXCEED เครื่องยนต์เบนซิน 3.8 ลิตร V6 SOHC 24 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน MIVEC เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ INVECS-II Sportronic กำลังสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 33.6 กก.-ม. ที่รอบตต่ำ 2,750 รอบ/นาที ถ่ายทอดพละกำลังสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWC (ALL WHEEL CONTROL) แบบ SUPER SELECT 4WD-II (SS4-II) มีราคาจำหน่าย 3,950,000 บาท
นี่คือรถใหม่ถอดด้าม ที่ยังเผยโฉมครั้งแรกในไทย ใครเป็นสาวกรถประเภทไหน? ยี่ห้ออะไร? เชิญไปชมและสัมผัส หรือจะถอยออกมาเลยก็ได้ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2008 ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 8 เมษายน 2551 ที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา
หากเป็นรถที่สร้างสีสันให้ผู้มาชมงานได้ซี้ดปากแล้ว คงต้องยกให้กับค่าย “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ที่เปิดตัวรถสปอร์ตโรดสเตอร์พร้อมกันถึง 2 รุ่น และเป็นพวงมาลัยขวาคันแรกของโลก เพื่อให้เศรษฐีไทยกระเป่าหนักได้เลือกจ่าย พร้อมกันนี้ยังเพิ่มทางเลือกใหม่ให้สาวกดาวสามแฉก ส่งพรีเมี่ยมเอสยูวีรุ่นพิเศษ ML 280 CDI Edition และรถหรูระดับเฟิร์สคลาส S320 CDi รวมถึงเพิ่มทางเลือกกับ C230 2.5 AVANTGARDE ตัวท็อปของซี-คลาส มาเขย่าตลาดรถหรูรุ่นเล็ก ในราคา 3.49 ล้านบาท
สำหรับสปอร์ตหรู 2 รุ่น คือ เมอร์ซเดส-เบนซ์ เอสแอล350 (SL 350) ได้พัฒนาเครื่องยนต์ V6 เดิม ให้ขับขี่เป็นสปอร์ตยิ่งขึ้น กำลังเพิ่มขึ้นเป็น 315 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที ทำเวลาจาก 0 -100 ในเวลา 6.2 วินาที เร็วกว่าเดิม 0.4 วินาที มีราคาอยู่ที่ 11.79 ล้านบาท ส่วนอีกรุ่น “เอสแอลเค 200เค” (SLK200K) ออกแบบโดดเด่นสไตล์สปอร์ต 2 ที่นั่ง วางเครื่องยนต์ 4 สูบ ซูเปอร์ชาร์จ 184 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร ที่ 2,800-5,000 รอบ/นาที ทำเวลา 0-100 ในเวลา 7.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 232 กม./ชม. สนนราคา 4.5 ล้านบาท
เมื่อแบรนด์คู่แข่งขนรถนำเข้ามาลุย มีหรือที่ค่ายใบพัดสีฟ้า “บีเอ็มดับเบิลยู” จะยอมงานนี้ นำเข้ารถรุ่นใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม3 คูเป้ (M3 Coupe) ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ของสปอร์ตรุ่นเล็กในตระกูลเอ็ม3 ที่มากับเครื่องยนต์ใหม่แบบ High performance engine ขนาด 4.0 ลิตร วี 8 สูบ ทวินแคม 32 วาล์ว 420 แรงม้าที่ 8,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม.ที่ 3,900 รอบ/นาที เกียร์แบบธรรมดา 6 จังหวะ ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาแค่ 4.8 วินาที ราคาขาย 9.9 ล้านบาท และส่งรถนำเข้าอีกรุ่น บีเอ็มดับเบิลยู 630ไอ(BMW 630i) ซึ่งโดดเด่นด้วยดีไซน์และสมรรถนะเครื่องยนต์ ราคาขายอยู่ที่ 9.2 ล้านบาท มาลุยพร้อมกัน
ไม่เพียงเท่านั้นบีเอ็มดับเบิลยูยังเพิ่มทางเลือก ให้กับซีรี่ส์3 ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ในรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู 320ดี (BMW320d) มีสมรรถนะยอดเยี่ยม ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 8 วินาที ใช้เชื้อเพลิงเพียง 16.6 กม./ลิตร และยังสามารถใช้น้ำมัน B2 ในมราคาจำหน่าย 2,849,000 บาท
ส่วนผู้ที่ชื่นชอบความแรงในร่างรถบ้าน นี่เลย “ซูบารุ อิมเพรซ่า เอสทีไอ”(Impreza STi) คู่แข่งของ “แลนเซอร์ อีโวลูชั่น เอ็กซ์” ซึ่งเวอร์ชันเอสทีไอใหม่ใช้พื้นฐานเดียวกับอิมเพรซา แฮทช์แบ็ก 5 ประตู เสริมแต่งรูปลักษณ์อิงจากตัวแข่งแรลลี่โลก WRC โดยอิมเพรซ่า เอสทีไอ เครื่องยนต์เป็นแบบ 4 สูบนอนยัน หรือบ็อกเซอร์ ทวินแคม 16 วาล์ว 2,000 ซีซี เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ที่รีดกำลังออกมาได้ 308 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 43.0 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที
หรือหากชอบความแรงแบบสปอร์ตซีดาน คงต้องมาดูบูธ “จากัวร์” ที่จะนำ “เอ็กซ์เอฟ” ซึ่งเป็นรถยนต์สายพันธุ์ใหม่ของจากัวร์ ที่พัฒนามาเพื่อแทนรุ่นเอส-ไทป์ ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการแข่งขันกับบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์5, ออดี้ เอ6 และเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส โดยเอ็กซ์เอฟรูปลักษณ์ออกแบบภายใต้แนวคิด ‘Sedan Within Coupe’ เครื่องยนต์แม้จะมีหลายรุ่นให้เลือก แต่คาดนำรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน วี6 ทวินแคม 24 วาล์ว 3.0 ลิตร 240 แรงม้า ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 29.8 กก.-ม. ที่ 4,100 รอบ/นาที มาทำตลาดในไทย
เมื่อชมดูหลายรุ่นแล้วยังไม่ถูกใจ ลองมาดูรถยนต์โฉมใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดโลกแบบสดซิ่งๆ และไทยเป็นแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน นั่นก็คือ “ออดี้ เอ4” (Audi A4) รถยนต์ที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยว แต่มีขนาดกว้างขวางใหญ่ที่สุด เมื่อเทียบกับรถคู่แข่งในระดับเดียวกัน อย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส หรือบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์3 ออดี้ เอ4 วางเครื่องยนต์ 1.8 TFSI ที่ให้กำลังสูง 160 แรงม้า ที่ 4,500 – 6,200 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 – 4,500 รอบ/นาที ใช้ระบบเกียร์ multitronic + tiptronic 8 สปีด ทำความเร็วสูงสุด 218 กม. /ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 13.51 กม./ลิตร
ส่วนใครที่ชื่นชอบรถขับขี่คล่องตัว แต่สมรรถนะดีเยี่ยม ต้องมาสัมผัส “มินิ คลับแมน” (Clubman) ซึ่งมาพร้อมกับนวัตกรรมที่เรียกว่า “Door Concept” ด้วยการออกแบบให้มีถึง 5 ประตู โดยคลับแมนวางเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 120 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 160 นิวตัน-เมตร ที่ 4,250 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 9.8 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 201 กม./ชม. มีให้เลือก 2 รุ่น คือ คูเปอร์ คลับแมน ราคา 2.7 ล้านบาท และ คูเปอร์ เอส คลับแมน 3.2 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ มินิ ประเทศไทย ยังได้นำรุ่นเปิดประทุน MINI Convertible Sidewalk ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของโมเดล MINI R52 โดยวางเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร 170 แรงม้า ที่รอบ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ราคาอยู่ที่ 3.1 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หากใครยังไม่ใช่แฟนรถที่กล่าวมา และชื่นชอบรถประเภทเอสยูวี ต้องมาที่บูธ “มิตซูบิชิ” ซึ่งได้นำเข้า “ปาเจโร่” มาเรียกสาวกในอดีตกลับมาคึกคักอีกครั้ง และการเปิดตัวปาเจโรครั้งนี้ ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ความแกร่ง ปูทางให้กับรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นใหม่ ที่ใช้พื้นฐานจากปิกอัพ มิตซูบิชิ ไทรทัน ซึ่งต่างได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี มาจากการรายการแรลลี่สุดหฤโหดสนาม “ดาการ์ มาเหมือนกัน โดยรถอเนกประสงค์ใหม่จะเปิดตัวปลายปี 2551 นี้
มิตซูบิชิ ปาเจโร่ เอ็กซ์ซีด (PAJERO EXCEED เครื่องยนต์เบนซิน 3.8 ลิตร V6 SOHC 24 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน MIVEC เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ INVECS-II Sportronic กำลังสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 33.6 กก.-ม. ที่รอบตต่ำ 2,750 รอบ/นาที ถ่ายทอดพละกำลังสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWC (ALL WHEEL CONTROL) แบบ SUPER SELECT 4WD-II (SS4-II) มีราคาจำหน่าย 3,950,000 บาท
นี่คือรถใหม่ถอดด้าม ที่ยังเผยโฉมครั้งแรกในไทย ใครเป็นสาวกรถประเภทไหน? ยี่ห้ออะไร? เชิญไปชมและสัมผัส หรือจะถอยออกมาเลยก็ได้ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2008 ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 8 เมษายน 2551 ที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา