ข่าวในประเทศ - ยามาฮ่า สุดมั่นรัฐบาลใหม่ผลักดันนโยบายประชานิยม เพิ่มกำลังซื้อรากหญ้าฟื้นตลาดรถจักรยานยนต์ให้กลับมาโต 2% เมื่อเทียบกับปี 2550 พร้อมเปิดตัว “นูโว ใหม่” 2 รุ่น ราคา 5.35 – 5.5 หมื่นบาท เตรียมอัดกิจกรรม-แคมเปญต่อเนื่อง วาดเป้ายอดขายปีนี้ปิด 4.2 แสนคัน ครองแชร์ 26%
ประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า สภาพเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนทางการเมืองตลอดสองปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบกับตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศดังจะเห็นได้จากยอดขายในปี2550ตกถึง 17%(1.571 ล้านคัน) เมื่อเทียบกับปี 2549(1.896 ล้านคัน) แต่ปีนี้หลังการเลือกตั้งและได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารงาน พร้อมผลักดันนโยบายต่างๆ บริษัทเชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น
“ช่วงสองปีที่ผ่านมา การใช้จ่ายของภาครัฐชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด แต่คาดว่าหลังจากจัดตั้งรัฐบาลเสร็จ วางตัวรัฐมนตรีเรียบร้อย จะทำให้โปรเจกท์ต่างๆถูกผลักดันออกมา โดยเฉพาะนโยบายประชานิยมอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่รากหญ้า ส่งผลต่อกำลังซื้อและความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค รวมถึงอัตราดอกเบี้ยต่ำ จะทำให้ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งยามาฮ่า และค่ายอื่นๆต่างมองไปทิศทางเดียวกันว่า ปีนี้ตลาดจะกลับมาโตได้ระดับ 2% หรือยอดขายรวมประมาณ 1.6 ล้านคัน”
อย่างไรก็ตามคงต้องระวังปัจจัยลบที่จะเข้ามาฉุดตลาด ทั้งราคาน้ำมันพุ่ง ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้น และคาดว่าปีนี้อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ระดับ 4-5% บวกกับค่าเงินบาทยังแข็งตัวต่อเนื่อง กระทบภาคส่งออก รวมถึงความถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ที่ส่งผลกับเมืองไทยเช่นกัน
นายประพันธ์ กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัททำยอดขายได้ 3.65 แสนคัน ตก 15% เมื่อเทียบกับปี 2549 แต่ปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้ถึง 4.2 แสนคัน โต 15% มีส่วนแบ่งการตลาด 26% อันเป็นผลมาจากการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เข้มแข็ง และแตกต่างด้วยโปรดักส์ แคมเปญ กิจกรรม ขณะเดียวกันวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นี้บริษัทเตรียมเปิดตัวโชว์รูมรถจักรยานยนต์นำเข้า “Riders Club” บนถนนรัชดาภิเษก(หลังห้างสรรพสินค้าเอสพลานาด)อย่างเป็นทางการ พร้อมแนะนำรถบิ๊กไบค์ 5 รุ่น ที่จะเข้ามาทำตลาดในปี2551 อีกด้วย
ด้านนางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า ล่าสุดบริษัททำการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ออโตเมติก “นูโว ใหม่” ที่เสริมรุ่น อีลีเกนซ์ และ รุ่น เอ็มเอ็กซ์ ตกแต่งด้วยกราฟฟิกลายใหม่ ราคาประมาณ 5.35-5.5 หมื่นบาท โดยคาดว่าทั้งสองรุ่นจะทำยอดขายระดับ 5,000 คัน ต่อเดือน
“นูโว ใหม่ เปิดตัวมานานแล้ว จึงถึงเวลาที่ต้องสร้างความสดใหม่ให้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งการเสริมสองรุ่นใหม่นี้ เชื่อว่าจะได้การตอบรับอย่างดี แต่ในส่วนของตัวท๊อป อีลีเกนซ์ เครื่องยนต์ 135 ซีซี นั้นถือเป็นการพัฒนาตัวสินค้า และสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์มากกว่า ทั้งยังมาพร้อมแคมเปญใหม่ “Yes! We are Different” โดยดึงศิลปินจากเกาหลี“ทงบังชินกิ”มาเป็นพรีเซนเตอร์ในโฆษณาชุดใหม่ และร่วมกับแคมเปญต่างๆของบริษัทตลอดทั้งปี”สำหรับงบการตลาดปีนี้คงเทียบเท่าปีที่แล้ว หรือประมาณ 500 ล้านบาท โดยเน้นกิจกรรม Below the Line เพื่อเข้าถึงตัวผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเรามีฐานลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ พร้อมสร้างความพอใจสูงสุดให้ผู้บริโภค(CSI) ทั้งการขาย การบริการ และบริการอะไหล่ให้มีประสิทธิภาพ ผ่านโชว์รูม “ยามาฮ่า สแควร์” 234 แห่ง ทั่วประเทศ
นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมรุกการขายรถจักรยานยนต์มือสองในโครงการ “ยามาฮ่า โอเค”อย่างต่อเนื่อง และถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ดีลเลอร์ทำกันมานานแล้ว แต่บริษัทจะเข้าไปสนับสนุนระบบบริหารจัดการให้ชัดเจนเป็นแนวทางเดียวกัน รวมถึงให้ความมั่นใจกับลูกค้าด้วยการรับประกันคุณภาพ 1 ปี หรือ 1 หมื่นกิโลเมตร ซึ่งจะกลยุทธ์นี้จะส่งผลกลับมายังราคาขายต่อของรถยามาฮ่าอีกด้วย
ประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า สภาพเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนทางการเมืองตลอดสองปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบกับตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศดังจะเห็นได้จากยอดขายในปี2550ตกถึง 17%(1.571 ล้านคัน) เมื่อเทียบกับปี 2549(1.896 ล้านคัน) แต่ปีนี้หลังการเลือกตั้งและได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารงาน พร้อมผลักดันนโยบายต่างๆ บริษัทเชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น
“ช่วงสองปีที่ผ่านมา การใช้จ่ายของภาครัฐชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด แต่คาดว่าหลังจากจัดตั้งรัฐบาลเสร็จ วางตัวรัฐมนตรีเรียบร้อย จะทำให้โปรเจกท์ต่างๆถูกผลักดันออกมา โดยเฉพาะนโยบายประชานิยมอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่รากหญ้า ส่งผลต่อกำลังซื้อและความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค รวมถึงอัตราดอกเบี้ยต่ำ จะทำให้ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งยามาฮ่า และค่ายอื่นๆต่างมองไปทิศทางเดียวกันว่า ปีนี้ตลาดจะกลับมาโตได้ระดับ 2% หรือยอดขายรวมประมาณ 1.6 ล้านคัน”
อย่างไรก็ตามคงต้องระวังปัจจัยลบที่จะเข้ามาฉุดตลาด ทั้งราคาน้ำมันพุ่ง ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้น และคาดว่าปีนี้อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ระดับ 4-5% บวกกับค่าเงินบาทยังแข็งตัวต่อเนื่อง กระทบภาคส่งออก รวมถึงความถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ที่ส่งผลกับเมืองไทยเช่นกัน
นายประพันธ์ กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัททำยอดขายได้ 3.65 แสนคัน ตก 15% เมื่อเทียบกับปี 2549 แต่ปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้ถึง 4.2 แสนคัน โต 15% มีส่วนแบ่งการตลาด 26% อันเป็นผลมาจากการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เข้มแข็ง และแตกต่างด้วยโปรดักส์ แคมเปญ กิจกรรม ขณะเดียวกันวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นี้บริษัทเตรียมเปิดตัวโชว์รูมรถจักรยานยนต์นำเข้า “Riders Club” บนถนนรัชดาภิเษก(หลังห้างสรรพสินค้าเอสพลานาด)อย่างเป็นทางการ พร้อมแนะนำรถบิ๊กไบค์ 5 รุ่น ที่จะเข้ามาทำตลาดในปี2551 อีกด้วย
ด้านนางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า ล่าสุดบริษัททำการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ออโตเมติก “นูโว ใหม่” ที่เสริมรุ่น อีลีเกนซ์ และ รุ่น เอ็มเอ็กซ์ ตกแต่งด้วยกราฟฟิกลายใหม่ ราคาประมาณ 5.35-5.5 หมื่นบาท โดยคาดว่าทั้งสองรุ่นจะทำยอดขายระดับ 5,000 คัน ต่อเดือน
“นูโว ใหม่ เปิดตัวมานานแล้ว จึงถึงเวลาที่ต้องสร้างความสดใหม่ให้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งการเสริมสองรุ่นใหม่นี้ เชื่อว่าจะได้การตอบรับอย่างดี แต่ในส่วนของตัวท๊อป อีลีเกนซ์ เครื่องยนต์ 135 ซีซี นั้นถือเป็นการพัฒนาตัวสินค้า และสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์มากกว่า ทั้งยังมาพร้อมแคมเปญใหม่ “Yes! We are Different” โดยดึงศิลปินจากเกาหลี“ทงบังชินกิ”มาเป็นพรีเซนเตอร์ในโฆษณาชุดใหม่ และร่วมกับแคมเปญต่างๆของบริษัทตลอดทั้งปี”สำหรับงบการตลาดปีนี้คงเทียบเท่าปีที่แล้ว หรือประมาณ 500 ล้านบาท โดยเน้นกิจกรรม Below the Line เพื่อเข้าถึงตัวผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเรามีฐานลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ พร้อมสร้างความพอใจสูงสุดให้ผู้บริโภค(CSI) ทั้งการขาย การบริการ และบริการอะไหล่ให้มีประสิทธิภาพ ผ่านโชว์รูม “ยามาฮ่า สแควร์” 234 แห่ง ทั่วประเทศ
นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมรุกการขายรถจักรยานยนต์มือสองในโครงการ “ยามาฮ่า โอเค”อย่างต่อเนื่อง และถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ดีลเลอร์ทำกันมานานแล้ว แต่บริษัทจะเข้าไปสนับสนุนระบบบริหารจัดการให้ชัดเจนเป็นแนวทางเดียวกัน รวมถึงให้ความมั่นใจกับลูกค้าด้วยการรับประกันคุณภาพ 1 ปี หรือ 1 หมื่นกิโลเมตร ซึ่งจะกลยุทธ์นี้จะส่งผลกลับมายังราคาขายต่อของรถยามาฮ่าอีกด้วย