xs
xsm
sm
md
lg

“จ๊อบไทย” เผย 5 กลุ่มธุรกิจที่ต้องการแรงงานสูงสุดในประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จ๊อบไทยดอทคอม เผยข้อมูลสถิติความต้องการแรงงานของประเทศไทยครึ่งปี 2560 พบว่า 5 กลุ่มธุรกิจที่ต้องการแรงงานมากที่สุด ได้แก่ ธุรกิจบริการ 9,691 อัตรา ตามมาด้วย ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 9,018 อัตรา อันดับสาม ธุรกิจค้าปลีก 8,138 อัตรา อันดับสี่ ธุรกิจยานพาหนะ/ชิ้นส่วนยานยนต์ 6,775 อัตรา และอันดับห้า ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง 6,316 อัตรา

นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการเว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม (JobThai.com) กล่าวว่า เว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม ในฐานะผู้นำด้านเว็บไซต์หางาน สมัครงาน อันดับ 1 ของประเทศไทย ที่มีผู้ฝากประวัติกว่า 1.2 ล้านคน และมีจำนวนงานจากบริษัทชั้นนำกว่า 86,000 อัตรา ได้ทำการวิเคราะห์รวบรวมจากฐานข้อมูลของเว็บไซต์ จ๊อบไทย เพื่อรายงานสถานการณ์ความต้องการแรงงานแบบภาพรวมในช่วงครึ่งปี 2560 ตั้งแต่เดือนมกราคม – มิถุนายน พบว่ามี 5 กลุ่มธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานสูงสุด โดยมีรายละเอียด ดังนี้

• กลุ่มธุรกิจบริการ จำนวนงานทั้งหมด 9,691 อัตรา โดยประเภทงานที่มีความต้องการแรงงานสูงสุด 3 อันดับแรกในกลุ่มธุรกิจนี้ ได้แก่ งานบริการลูกค้าสัมพันธ์ 1,698 อัตรา งานขาย 1,388 อัตรา และงานเทคนิค/ซ่อมบำรุง 914 อัตรา

• กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม จำนวนงานทั้งหมด 9,018 อัตรา โดยประเภทงานที่มีความต้องการแรงงานสูงสุด 3 อันดับแรกในกลุ่มธุรกิจนี้ ได้แก่ พนักงานบริการ/ต้อนรับ 2,762 อัตรา งานผลิต/ควบคุมคุณภาพ 1,197 อัตรา และงานขาย 1,059 อัตรา

• กลุ่มธุรกิจค้าปลีก จำนวนงานทั้งหมด 8,138 อัตรา โดยประเภทงานที่มีความต้องการแรงงานสูงสุด 3 อันดับแรกในกลุ่มธุรกิจนี้ ได้แก่ งานขาย 2,899 อัตรา งานบัญชี/การเงิน 639 อัตรา และงานจัดซื้อ/ธุรการ 470 อัตรา

• กลุ่มธุรกิจยานพาหนะ/ชิ้นส่วนยานยนต์ จำนวนงานทั้งหมด 6,775 อัตรา โดยประเภทงานที่มีความต้องการแรงงานสูงสุด 3 อันดับแรกในกลุ่มธุรกิจนี้ ได้แก่ งานเทคนิค/ซ่อมบำรุง 1,249 อัตรา งานขาย 1,161 อัตรา และงานผลิต/ควบคุมคุณภาพ 925 อัตรา

• กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง จำนวนงานทั้งหมด 6,316 อัตรา โดยประเภทงานที่มีความต้องการแรงงานสูงสุด 3 อันดับแรกในกลุ่มธุรกิจนี้ ได้แก่ งานโยธา/สำรวจ/สถาปัตย์ 1,386 อัตรา งานบัญชี/การเงิน 1,150 อัตรา และงานวิศวกรรม 1,025 อัตรา

จากข้อมูลที่ได้นี้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่เศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ซึ่งปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยยังคงเป็นการบริโภคของภาคเอกชน การลงทุนของภาครัฐในโครงการสำคัญต่างๆ การเติบโตของภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับอานิสงส์มาตั้งแต่ปี 2559 (ข้อมูลจากธนาคารโลก) ผนวกกับสถานการณ์ที่ปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นของตลาดรถยนต์ในประเทศ (ข้อมูลจากสำนักยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2560) จึงส่งผลต่อความต้องการแรงงานในกลุ่มธุรกิจเหล่านี้

ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง งานในสายผลิตจะยังคงมีอัตราความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากภาคการผลิตได้รับปัจจัยสนับสนุนมาจากการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงงานที่เกี่ยวข้องกับการบริการและท่องเที่ยวที่จะขยายตัวดีตามไปด้วย เนื่องจากเป็นส่วนที่สามารถสร้างรายได้และกระจายไปสู่ภาคธุรกิจต่างๆ ทั่วประเทศ และยังได้รับนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น