กคช.เดินหน้าจัดงานมหกรรมบ้านประชารัฐ เปิดจองระหว่างวันที่ 30 มิ.ย. - 9 ก.ค. 60 หวังช่วยผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง
ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า กคช. ได้เปิดให้จองโครงการบ้านเคหะประชารัฐ ครั้งที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2560 ณ สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ สำนักงานขายที่มีโครงการตั้งอยู่ และศูนย์ขาย 12 แห่งทั่วประเทศ โดยเปิดให้จอง 148 โครงการ รวม 20,817 หน่วย ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 4,865 หน่วย, บ้านแฝด 1,462 หน่วย, ทาวน์เฮาส์ 522 หน่วย, ทาวน์โฮม 1,051 หน่วย, อาคารพาณิชย์ 48 หน่วย และอาคารชุด 12,869 หน่วย
รูปแบบโครงการแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย โครงการบ้านสร้างแล้วเสร็จ 90 โครงการ จำนวน 10,614 หน่วย ราคา 242,000 - 2,600,000 บาท ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น รามอินทรา (ซอยคู้บอน), ปัญญารามอินทรา, ลาดกระบัง 2 และร่มเกล้า ส่วนทำเลที่ตั้งในปริมณฑล เช่น จ.นนทบุรี (บางบัวทอง, วัดกู้, ซอยกันตนา) จ.ปทุมธานี (รังสิต, สี่แยกปทุมวิไล, ลาดหลุมแก้ว) จ.นครปฐม (ท่าตำหนัก, บ่อพลับ, ศาลายา, พุทธมณฑล) จ.สมุทรปราการ (บางนา, ขจรวิทย์, แพรกษา)
โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 38 โครงการ จำนวน 4,600 หน่วย ราคา 480,000 - 4,450,000 บาท ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น ร่มเกล้า, ลาดกระบัง, หนองจอก, บางขุนเทียน ส่วนในปริมณฑล ได้แก่ จ.นนทบุรี (บางบัวทอง, วัดกู้, ซอยกันตนา) ในภูมิภาค เช่น พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี, ลพบุรี, กาญจนบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, ลำปาง, พิษณุโลก, เชียงใหม่
ส่วนโครงการที่เปิดขายใหม่ จำนวน 20 โครงการ 5,603 หน่วย มีทำเลที่ตั้งในปริมณฑล ได้แก่ จ.ปทุมธานี (รังสิต) และ จ.สมุทรปราการ (เทพารักษ์, บางปู) ส่วนทำเลที่ตั้งในภูมิภาค เช่น สระบุรี, พระนครศรีอยุธยา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, นครราชสีมา, ศรีสะเกษ, กาฬสินธุ์, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ขอนแก่น, นครสวรรค์, สุราษฎร์ธานี, ตรัง และภูเก็ต
"การจัดงานมหกรรมครั้งนี้เป็นการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่สามารถผ่อนชำระได้ ทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศผ่านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วย ตามนโยบายของรัฐบาล"
ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองนโยบาย “ประเทศไทย 4.0” กคช.ได้พัฒนานวัตกรรมระบบการให้บริการค้นหาบ้านว่างพร้อมขายและจองผ่านระบบจองบ้านออนไลน์ขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางการขายและบริการข้อมูลให้กับประชาชนที่สนใจจะจองโครงการ สามารถจองได้ง่ายๆ ผ่าน http://house.nha.co.th บนเครื่องคอมพิวเตอร์ PC หรือ โทรศัพท์มือถือประเภทสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ซึ่งได้นำโครงการที่เปิดจองในครั้งนี้ 48 โครงการ จำนวน 4,044 หน่วย นำมาออกขายในระบบจองบ้านออนไลน์ด้วย ซึ่งลูกค้าสามารถนำใบจองหรือบาร์โค้ดไปชำระเงินที่สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ, สำนักงานเคหะชุมชน และเคาน์เตอร์เซอร์วิส
สำหรับผู้ที่จองโครงการบ้านเคหะประชารัฐ จะได้รับฟรีค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ทุกโครงการ ลูกค้าสามารถเช่าซื้อกับกคช.เฉพาะโครงการที่เข้าร่วม 30 โครงการ รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.49 % หรือ สำหรับผู้มีรายได้น้อยที่ยังไม่พร้อมซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการซื้อเป็นการเช่าในลักษณะโครงการเช่าเพื่อซื้อ หรือ Rent to buy เฉพาะโครงการที่เข้าร่วม 24 โครงการ หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยโครงการบ้านประชารัฐจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน เฉพาะโครงการที่มีราคาขายไม่เกิน 1.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้จองซื้อจะต้องมีสัญชาติไทยและบรรลุนิติภาวะแล้ว มีรายได้ไม่เกิน 40,000 บาท/เดือน สำหรับการจองโครงการที่ราคาไม่เกิน 740,000 บาท และไม่จำกัดรายได้สำหรับการจองโครงการที่ราคาเกิน 740,000 บาทขึ้นไป
ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า กคช. ได้เปิดให้จองโครงการบ้านเคหะประชารัฐ ครั้งที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2560 ณ สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ สำนักงานขายที่มีโครงการตั้งอยู่ และศูนย์ขาย 12 แห่งทั่วประเทศ โดยเปิดให้จอง 148 โครงการ รวม 20,817 หน่วย ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 4,865 หน่วย, บ้านแฝด 1,462 หน่วย, ทาวน์เฮาส์ 522 หน่วย, ทาวน์โฮม 1,051 หน่วย, อาคารพาณิชย์ 48 หน่วย และอาคารชุด 12,869 หน่วย
รูปแบบโครงการแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย โครงการบ้านสร้างแล้วเสร็จ 90 โครงการ จำนวน 10,614 หน่วย ราคา 242,000 - 2,600,000 บาท ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น รามอินทรา (ซอยคู้บอน), ปัญญารามอินทรา, ลาดกระบัง 2 และร่มเกล้า ส่วนทำเลที่ตั้งในปริมณฑล เช่น จ.นนทบุรี (บางบัวทอง, วัดกู้, ซอยกันตนา) จ.ปทุมธานี (รังสิต, สี่แยกปทุมวิไล, ลาดหลุมแก้ว) จ.นครปฐม (ท่าตำหนัก, บ่อพลับ, ศาลายา, พุทธมณฑล) จ.สมุทรปราการ (บางนา, ขจรวิทย์, แพรกษา)
โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 38 โครงการ จำนวน 4,600 หน่วย ราคา 480,000 - 4,450,000 บาท ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น ร่มเกล้า, ลาดกระบัง, หนองจอก, บางขุนเทียน ส่วนในปริมณฑล ได้แก่ จ.นนทบุรี (บางบัวทอง, วัดกู้, ซอยกันตนา) ในภูมิภาค เช่น พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี, ลพบุรี, กาญจนบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, ลำปาง, พิษณุโลก, เชียงใหม่
ส่วนโครงการที่เปิดขายใหม่ จำนวน 20 โครงการ 5,603 หน่วย มีทำเลที่ตั้งในปริมณฑล ได้แก่ จ.ปทุมธานี (รังสิต) และ จ.สมุทรปราการ (เทพารักษ์, บางปู) ส่วนทำเลที่ตั้งในภูมิภาค เช่น สระบุรี, พระนครศรีอยุธยา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, นครราชสีมา, ศรีสะเกษ, กาฬสินธุ์, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ขอนแก่น, นครสวรรค์, สุราษฎร์ธานี, ตรัง และภูเก็ต
"การจัดงานมหกรรมครั้งนี้เป็นการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่สามารถผ่อนชำระได้ ทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศผ่านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วย ตามนโยบายของรัฐบาล"
ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองนโยบาย “ประเทศไทย 4.0” กคช.ได้พัฒนานวัตกรรมระบบการให้บริการค้นหาบ้านว่างพร้อมขายและจองผ่านระบบจองบ้านออนไลน์ขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางการขายและบริการข้อมูลให้กับประชาชนที่สนใจจะจองโครงการ สามารถจองได้ง่ายๆ ผ่าน http://house.nha.co.th บนเครื่องคอมพิวเตอร์ PC หรือ โทรศัพท์มือถือประเภทสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ซึ่งได้นำโครงการที่เปิดจองในครั้งนี้ 48 โครงการ จำนวน 4,044 หน่วย นำมาออกขายในระบบจองบ้านออนไลน์ด้วย ซึ่งลูกค้าสามารถนำใบจองหรือบาร์โค้ดไปชำระเงินที่สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ, สำนักงานเคหะชุมชน และเคาน์เตอร์เซอร์วิส
สำหรับผู้ที่จองโครงการบ้านเคหะประชารัฐ จะได้รับฟรีค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ทุกโครงการ ลูกค้าสามารถเช่าซื้อกับกคช.เฉพาะโครงการที่เข้าร่วม 30 โครงการ รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.49 % หรือ สำหรับผู้มีรายได้น้อยที่ยังไม่พร้อมซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการซื้อเป็นการเช่าในลักษณะโครงการเช่าเพื่อซื้อ หรือ Rent to buy เฉพาะโครงการที่เข้าร่วม 24 โครงการ หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยโครงการบ้านประชารัฐจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน เฉพาะโครงการที่มีราคาขายไม่เกิน 1.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้จองซื้อจะต้องมีสัญชาติไทยและบรรลุนิติภาวะแล้ว มีรายได้ไม่เกิน 40,000 บาท/เดือน สำหรับการจองโครงการที่ราคาไม่เกิน 740,000 บาท และไม่จำกัดรายได้สำหรับการจองโครงการที่ราคาเกิน 740,000 บาทขึ้นไป