บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด เว็บไซต์หางานชั้นนำของเอเชีย เผย 10 อันดับบริษัทที่คนอยากเข้าทำงานมากที่สุดในประเทศไทย พบว่า 4 ใน 10 ขององค์กรน่าทำงานที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนชาวไทยใฝ่ฝันอยากเข้าทำงานเป็นบริษัทสัญชาติไทยและยังติด 2 อันดับแรกของบริษัทที่น่าทำงานที่สุดในประเทศไทย
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นองค์กรที่คนอยากร่วมงานมากที่สุด ตามมาด้วย บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG โดยทั้ง 2 องค์กรนี้ยังเป็นเป็นองค์กรขนาดใหญ่ในประเทศไทยด้วย ทั้งนี้บริษัทปูนซิเมนต์ไทยได้ขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคอาเซียนนอกเหนือจากขยายขอบเขตธุรกิจไปสู่ธุรกิจประเภทอื่นๆ และยังเป็นหนึ่งในองค์กรธุรกิจแบบยั่งยืนในภูมิภาคอีกด้วย
ผลสำรวจนี้ไม่ใช่เพียงแค่ให้ข้อมูลตลาดแรงงานที่ทันสมัยให้กับองค์กรที่หาคนไปทำงานเท่านั้น แต่มีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอคุณค่า เพื่อรักษาพนักงานปัจจุบันและดึงดูดคนเก่งเข้ามาร่วมงาน จ๊อบส์ดีบีได้รวบรวมผลสำรวจจากสมาชิกรวม 446 คน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2559 จากจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามจากหลายๆ ตำแหน่ง (ส่วนใหญ่เป็นพนักงานระดับหัวหน้างานและฝ่ายบริหารจัดการ) และยังมีความชำนาญเฉพาะด้านที่หลากหลายอีกด้วย
บริษัทโตโยต้าได้รับการโหวตเป็นบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดเป็นลำดับที่ 3 องค์กรนี้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาตั้งแต่พ.ศ. 2505 ปัจจุบันมีโรงงานในประเทศไทยถึง 3 แห่งด้วยกันในจังหวัดฉะเชิงเทราและสมุทรปราการ โดยมีกำลังการผลิตต่อปีสูงสุดอยู่ที่เกือบ 800,000 คัน
ในขณะที่บริษัทเสิร์ชเอ็นจิ้นระดับโลก Google ได้รับการโหวตให้เป็นบริษัทที่น่าทำงานด้วยที่สุดเป็นลำดับที่ 4 ตามมาด้วยฮอนด้าเป็นอันดับที่ 5 โดยฮอนด้าเปิดธุรกิจในประเทศไทยมาตั้งแต่พ.ศ. 2507 บริษัทตั้งเป้าให้ธุรกิจเข้าใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้นด้วยการเปิดบริษัทเอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด ทำหน้าที่เป็นสำนักงานระดับภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียในพ.ศ. 2547 โดยรับผิดชอบในการประสานงานกับของฮอนด้าใน 12 ประเทศและสนับสนุนการปฏิบัติงานกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอีกด้วย
บริษัทที่ได้รับการโหวตเป็นลำดับที่ 6 ได้แก่ บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์และดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เอไอเอสไม่เคยหยุดคิดค้นและขยายบริการด้วยเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในยุคปัจจุบัน และยังให้บริการโซลูชั่นด้านดิจิทัลที่ดีที่สุดเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกความฝันและทุกชีวิต บริษัทโทรคมนาคมแห่งนี้มีพนักงานรวมทั้งสิ้นมากกว่า 10,000 คน
ส่วนผู้นำในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคอย่าง ยูนิลีเวอร์ ได้รับการโหวตเป็นลำดับที่ 7 โดยยูนิลีเวอร์มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานในประเทศไทยและมีสำนักงานใหญ่แห่งล่าสุดอยู่บนถนนพระราม 9 และยูนิลีเวอร์ยังเป็นผู้นำองค์กรที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับโลก
เชฟรอน บริษัทผู้นำธุรกิจด้านพลังงานระดับโลกได้รับการโหวตอยู่ในอันดับที่ 8 เชฟรอนเป็นองค์กรที่ประกอบไปด้วยความสามารถที่เหนือกว่าโดยความสำเร็จขององค์กรเกิดจากพนักงานที่มีความมุ่งมั่นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ด้วยวิธีที่ถูกต้อง ซึ่งตรงกับวิสัยทัศน์ขององค์กรที่เป็นบริษัทพลังงานที่ได้รับความชื่นชอบสูงสุดอันเกิดจากพนักงาน พันธมิตรและประสิทธิภาพ ด้วยธุรกิจหลักด้านพลังงานประกอบกับธุรกิจในประเทศไทยที่แผ่กว้างไปตั้งแต่การสำรวจ การผลิต การกลั่น และอุตสาหกรรมไปยังธุรกิจค้าปลีกทำให้เชฟรอนในประเทศไทยได้เป็นองค์กรระดับประเทศที่ประกอบไปด้วยคนทำงานคุณภาพสูงและยังคงพัฒนาคุณภาพบุคลากรขององค์กรอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของธุรกิจด้านโทรคมนาคมที่มีผู้ใช้งานเครือข่ายมากถึง 25 ล้านเบอร์ และพนักงานมากกว่า 4,500 คนอย่าง DTAC หรือบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) อยู่ในอันดับที่ 9
และอันดับที่ 10 ขององค์กรในฝันเป็นของบริษัทที่ทำธุรกิจด้านโภชนาการและสุขภาพอย่าง Nestlé ที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปีพ.ศ. 2436 โดยปัจจุบันมีโรงงานในประเทศ 7 แห่ง และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรงเทพฯ พร้อมกับพนักงานกว่า 2,500 คน
หากเปรียบเทียบระหว่างธุรกิจต่างประเทศกับในประเทศ กับตลาดที่ Seek Asia ดำเนินการอยู่ มีเพียงประเทศไทย เวียดนาม และสิงคโปร์ ที่มีองค์กรธุรกิจต่างประเทศติดกลุ่มบริษัทชั้นนำมากกว่าบริษัทท้องถิ่น ในขณะที่ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และมาเลเซียมีธุรกิจในประเทศติด 10 อันดับแรกมากกว่าบริษัทธุรกิจต่างประเทศ
เมื่อดูที่ธุรกิจ มี 3 บริษัทที่ติดอันดับในประเทศอื่นๆ เช่นยูนิลีเวอร์ที่อยู่อันดับ 7 ในประเทศไทยเป็นบริษัทที่น่าทำงานที่สุดในเวียดนาม และอยู่อันดับที่ 4 ในประเทศอินโดนีเซีย ส่วนเชฟรอนที่อยู่ลำดับที่ 8 ในประเทศไทย ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 6 ของอินโดนีซีย ขณะที่ Nestlé ที่ติดอันดับ 10 ในประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 7 ในเวียดนามและมาเลเซีย รวมทั้งยังติดอันดับที่ 2 ในฟิลิปปินส์
ความมั่นคงในการทำงาน: เป็นปัจจัยที่คนไทยมองเป็นอันดับแรก
ผู้ตอบแบบสอบถามคนไทยระบุปัจจัยสำคัญที่ส่งผลในการเลือกงานในฝัน คือสวัสดิการและความมั่นคงในอาชีพในสัดส่วนที่เท่าๆ กัน สำหรับเรื่องของสวัสดิการนั้นถือเป็นคำตอบหนึ่งที่ผู้ตอบแบบสอบถามในหลายๆ ประเทศระบุเหมือนกัน ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยโดดเด่นกว่าประเทศอื่นโดยระบุว่าความมั่นคงในอาชีพเป็นปัจจัยแรกๆ ในการเลือกเข้าทำงานในองค์กรหนึ่งๆ ทั้งนี้ชื่อเสียงของบริษัทเป็นอันดับที่ 3 ที่ผู้หางานไทยระบุถึงองค์กรในฝัน
ความต้องการเหล่านี้ยังแตกต่างกันออกไปวัดได้จากตำแหน่งของผู้สมัครงาน โดยผู้สมัครที่มีประสบการณ์มักคำนึงถึงภาพลักษณ์และแบรนด์ขององค์กรมากกว่า ขณะที่ผู้สมัครงานที่จบใหม่มักให้ความสำคัญกับโอกาสในการพัฒนาตนเองในหน้าที่การงาน
อินเทอร์เน็ตยังเป็นช่องทางที่ได้รับความเชื่อถือ
นอกจากนี้การหางานผ่านอินเทอร์เน็ตยังเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยม รายงาน jobsDB’s 2016 Top Companies ชี้ให้เห็นว่าผู้หางานส่วนใหญ่มักค้นคว้าและศึกษาข้อมูลขององค์กรที่สนใจผ่าน 3 ช่องทางดังนี้ การได้ยินคนอื่นพูดต่อๆ กันมา เครือข่ายเพื่อนฝูงหรือครอบครัว และอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านโซเชียลมีเดีย ข่าวออนไลน์ และเว็บไซต์ของบริษัท ขณะที่การได้ยินคนอื่นพูดต่อๆ กันมาและได้ยินจากข่าวและโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางที่ผู้หางานไทยให้ความสำคัญกับการหาข้อมูลขององค์กรนั้นๆ โดยคิดเป็น 20% ขณะที่การนำแนะจากครอบครัวหรือเพื่อนมาเป็นอันดับที่สอง (16%) และจากการเข้าไปชมเว็บไซต์ของบริษัทหรือเว็บไซต์รับสมัครงานอยู่ในอันดับที่ 3 (15%)
นางสาวนพวรรณ จุลกนิษฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การค้นหาไม่ได้เป็นเพียงแค่โอกาส แต่ยังเป็นข้อมูลองค์กรที่มากขึ้นที่มีอยู่ในไซต์หางาน นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งข้อมูลพื้นฐานให้กับคนที่ตั้งใจหางานจริงๆ ดังนั้นความสำคัญของไซต์หางานจึงเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ขององค์กร
“จ๊อบส์ดีบีรู้ดีว่าภาพลักษณ์ขององค์กรกลายมาเป็นเรื่องสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเวลาที่การแข่งขันเพื่อให้ได้บุคลากรที่มีความสามารถเหมาะสมกับองค์กรที่สุด นั่นเป็นเหตุผลที่เราให้ความช่วยเหลือองค์กรต่างๆ อย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้หางานได้เห็นและเข้าชมไซต์ขององค์กร เราแนะนำผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จาก jobsDB Branded Ad เพื่อให้ผู้สมัครได้เห็นการแจ้งเตือนสถานะของพวกเขาและแน่ใจได้ว่าผู้สมัครงานเองก็ติดตามความเคลื่อนไหวของบริษัทเช่นกัน” นางสาวนพวรรณ กล่าวเสริม
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นองค์กรที่คนอยากร่วมงานมากที่สุด ตามมาด้วย บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG โดยทั้ง 2 องค์กรนี้ยังเป็นเป็นองค์กรขนาดใหญ่ในประเทศไทยด้วย ทั้งนี้บริษัทปูนซิเมนต์ไทยได้ขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคอาเซียนนอกเหนือจากขยายขอบเขตธุรกิจไปสู่ธุรกิจประเภทอื่นๆ และยังเป็นหนึ่งในองค์กรธุรกิจแบบยั่งยืนในภูมิภาคอีกด้วย
ผลสำรวจนี้ไม่ใช่เพียงแค่ให้ข้อมูลตลาดแรงงานที่ทันสมัยให้กับองค์กรที่หาคนไปทำงานเท่านั้น แต่มีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอคุณค่า เพื่อรักษาพนักงานปัจจุบันและดึงดูดคนเก่งเข้ามาร่วมงาน จ๊อบส์ดีบีได้รวบรวมผลสำรวจจากสมาชิกรวม 446 คน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2559 จากจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามจากหลายๆ ตำแหน่ง (ส่วนใหญ่เป็นพนักงานระดับหัวหน้างานและฝ่ายบริหารจัดการ) และยังมีความชำนาญเฉพาะด้านที่หลากหลายอีกด้วย
บริษัทโตโยต้าได้รับการโหวตเป็นบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดเป็นลำดับที่ 3 องค์กรนี้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาตั้งแต่พ.ศ. 2505 ปัจจุบันมีโรงงานในประเทศไทยถึง 3 แห่งด้วยกันในจังหวัดฉะเชิงเทราและสมุทรปราการ โดยมีกำลังการผลิตต่อปีสูงสุดอยู่ที่เกือบ 800,000 คัน
ในขณะที่บริษัทเสิร์ชเอ็นจิ้นระดับโลก Google ได้รับการโหวตให้เป็นบริษัทที่น่าทำงานด้วยที่สุดเป็นลำดับที่ 4 ตามมาด้วยฮอนด้าเป็นอันดับที่ 5 โดยฮอนด้าเปิดธุรกิจในประเทศไทยมาตั้งแต่พ.ศ. 2507 บริษัทตั้งเป้าให้ธุรกิจเข้าใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้นด้วยการเปิดบริษัทเอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด ทำหน้าที่เป็นสำนักงานระดับภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียในพ.ศ. 2547 โดยรับผิดชอบในการประสานงานกับของฮอนด้าใน 12 ประเทศและสนับสนุนการปฏิบัติงานกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอีกด้วย
บริษัทที่ได้รับการโหวตเป็นลำดับที่ 6 ได้แก่ บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์และดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เอไอเอสไม่เคยหยุดคิดค้นและขยายบริการด้วยเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในยุคปัจจุบัน และยังให้บริการโซลูชั่นด้านดิจิทัลที่ดีที่สุดเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกความฝันและทุกชีวิต บริษัทโทรคมนาคมแห่งนี้มีพนักงานรวมทั้งสิ้นมากกว่า 10,000 คน
ส่วนผู้นำในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคอย่าง ยูนิลีเวอร์ ได้รับการโหวตเป็นลำดับที่ 7 โดยยูนิลีเวอร์มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานในประเทศไทยและมีสำนักงานใหญ่แห่งล่าสุดอยู่บนถนนพระราม 9 และยูนิลีเวอร์ยังเป็นผู้นำองค์กรที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับโลก
เชฟรอน บริษัทผู้นำธุรกิจด้านพลังงานระดับโลกได้รับการโหวตอยู่ในอันดับที่ 8 เชฟรอนเป็นองค์กรที่ประกอบไปด้วยความสามารถที่เหนือกว่าโดยความสำเร็จขององค์กรเกิดจากพนักงานที่มีความมุ่งมั่นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ด้วยวิธีที่ถูกต้อง ซึ่งตรงกับวิสัยทัศน์ขององค์กรที่เป็นบริษัทพลังงานที่ได้รับความชื่นชอบสูงสุดอันเกิดจากพนักงาน พันธมิตรและประสิทธิภาพ ด้วยธุรกิจหลักด้านพลังงานประกอบกับธุรกิจในประเทศไทยที่แผ่กว้างไปตั้งแต่การสำรวจ การผลิต การกลั่น และอุตสาหกรรมไปยังธุรกิจค้าปลีกทำให้เชฟรอนในประเทศไทยได้เป็นองค์กรระดับประเทศที่ประกอบไปด้วยคนทำงานคุณภาพสูงและยังคงพัฒนาคุณภาพบุคลากรขององค์กรอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของธุรกิจด้านโทรคมนาคมที่มีผู้ใช้งานเครือข่ายมากถึง 25 ล้านเบอร์ และพนักงานมากกว่า 4,500 คนอย่าง DTAC หรือบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) อยู่ในอันดับที่ 9
และอันดับที่ 10 ขององค์กรในฝันเป็นของบริษัทที่ทำธุรกิจด้านโภชนาการและสุขภาพอย่าง Nestlé ที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปีพ.ศ. 2436 โดยปัจจุบันมีโรงงานในประเทศ 7 แห่ง และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรงเทพฯ พร้อมกับพนักงานกว่า 2,500 คน
หากเปรียบเทียบระหว่างธุรกิจต่างประเทศกับในประเทศ กับตลาดที่ Seek Asia ดำเนินการอยู่ มีเพียงประเทศไทย เวียดนาม และสิงคโปร์ ที่มีองค์กรธุรกิจต่างประเทศติดกลุ่มบริษัทชั้นนำมากกว่าบริษัทท้องถิ่น ในขณะที่ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และมาเลเซียมีธุรกิจในประเทศติด 10 อันดับแรกมากกว่าบริษัทธุรกิจต่างประเทศ
เมื่อดูที่ธุรกิจ มี 3 บริษัทที่ติดอันดับในประเทศอื่นๆ เช่นยูนิลีเวอร์ที่อยู่อันดับ 7 ในประเทศไทยเป็นบริษัทที่น่าทำงานที่สุดในเวียดนาม และอยู่อันดับที่ 4 ในประเทศอินโดนีเซีย ส่วนเชฟรอนที่อยู่ลำดับที่ 8 ในประเทศไทย ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 6 ของอินโดนีซีย ขณะที่ Nestlé ที่ติดอันดับ 10 ในประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 7 ในเวียดนามและมาเลเซีย รวมทั้งยังติดอันดับที่ 2 ในฟิลิปปินส์
ความมั่นคงในการทำงาน: เป็นปัจจัยที่คนไทยมองเป็นอันดับแรก
ผู้ตอบแบบสอบถามคนไทยระบุปัจจัยสำคัญที่ส่งผลในการเลือกงานในฝัน คือสวัสดิการและความมั่นคงในอาชีพในสัดส่วนที่เท่าๆ กัน สำหรับเรื่องของสวัสดิการนั้นถือเป็นคำตอบหนึ่งที่ผู้ตอบแบบสอบถามในหลายๆ ประเทศระบุเหมือนกัน ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยโดดเด่นกว่าประเทศอื่นโดยระบุว่าความมั่นคงในอาชีพเป็นปัจจัยแรกๆ ในการเลือกเข้าทำงานในองค์กรหนึ่งๆ ทั้งนี้ชื่อเสียงของบริษัทเป็นอันดับที่ 3 ที่ผู้หางานไทยระบุถึงองค์กรในฝัน
ความต้องการเหล่านี้ยังแตกต่างกันออกไปวัดได้จากตำแหน่งของผู้สมัครงาน โดยผู้สมัครที่มีประสบการณ์มักคำนึงถึงภาพลักษณ์และแบรนด์ขององค์กรมากกว่า ขณะที่ผู้สมัครงานที่จบใหม่มักให้ความสำคัญกับโอกาสในการพัฒนาตนเองในหน้าที่การงาน
อินเทอร์เน็ตยังเป็นช่องทางที่ได้รับความเชื่อถือ
นอกจากนี้การหางานผ่านอินเทอร์เน็ตยังเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยม รายงาน jobsDB’s 2016 Top Companies ชี้ให้เห็นว่าผู้หางานส่วนใหญ่มักค้นคว้าและศึกษาข้อมูลขององค์กรที่สนใจผ่าน 3 ช่องทางดังนี้ การได้ยินคนอื่นพูดต่อๆ กันมา เครือข่ายเพื่อนฝูงหรือครอบครัว และอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านโซเชียลมีเดีย ข่าวออนไลน์ และเว็บไซต์ของบริษัท ขณะที่การได้ยินคนอื่นพูดต่อๆ กันมาและได้ยินจากข่าวและโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางที่ผู้หางานไทยให้ความสำคัญกับการหาข้อมูลขององค์กรนั้นๆ โดยคิดเป็น 20% ขณะที่การนำแนะจากครอบครัวหรือเพื่อนมาเป็นอันดับที่สอง (16%) และจากการเข้าไปชมเว็บไซต์ของบริษัทหรือเว็บไซต์รับสมัครงานอยู่ในอันดับที่ 3 (15%)
นางสาวนพวรรณ จุลกนิษฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การค้นหาไม่ได้เป็นเพียงแค่โอกาส แต่ยังเป็นข้อมูลองค์กรที่มากขึ้นที่มีอยู่ในไซต์หางาน นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งข้อมูลพื้นฐานให้กับคนที่ตั้งใจหางานจริงๆ ดังนั้นความสำคัญของไซต์หางานจึงเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ขององค์กร
“จ๊อบส์ดีบีรู้ดีว่าภาพลักษณ์ขององค์กรกลายมาเป็นเรื่องสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเวลาที่การแข่งขันเพื่อให้ได้บุคลากรที่มีความสามารถเหมาะสมกับองค์กรที่สุด นั่นเป็นเหตุผลที่เราให้ความช่วยเหลือองค์กรต่างๆ อย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้หางานได้เห็นและเข้าชมไซต์ขององค์กร เราแนะนำผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จาก jobsDB Branded Ad เพื่อให้ผู้สมัครได้เห็นการแจ้งเตือนสถานะของพวกเขาและแน่ใจได้ว่าผู้สมัครงานเองก็ติดตามความเคลื่อนไหวของบริษัทเช่นกัน” นางสาวนพวรรณ กล่าวเสริม