เอสซี แอสเสท เดินหน้าสู่เป้าหมาย 20,000 ล้าน ท่ามกลางปัจจัยบวกและปัจจัยลบกระทบตลาด มั่นใจเศรษฐกิจโดยรวมฟื้นตัว การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐดันกำลังซื้อเพิ่ม ส่วนสถานการณ์หนี้ครัวเรือนเริ่มดีขึ้น ประกาศปรับแผนลงทุนเพิ่มโครงการใหม่ สวนทางความผันผวนของเศรษฐกิจ
เป้าหมายของบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ SC จะมีรายได้สู่ระดับ 20,000 ล้านบาท ในปี 2562 เป็นเรื่องที่ไม่ยากมากนัก หากพิจารณาจากแผนลงทุนของบริษัทที่กุมบังเหียนโดยนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่มีนโยบายพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีอัตราการเติบโตทุกปี
โดยปีนี้จะมีรายได้ 15,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้มากกว่า 50% ของเป้าหมาย
ประกอบกับ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่คาดว่า GDP จะเติบโตมากกว่า 3% มีดัชนีหลายตัวดีขึ้นและส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ การบริโภคและลงทุนภาคเอกชนดีขึ้น สถานการณ์หนี้ครัวเรือนดีขึ้น การเติบโตของหนี้ครัวเรือนชะลอตัวลงเหลือต่ำกว่า 5% สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ณ ไตรมาส 1 2559 ลดลงครั้งแรกในรอบ 3 ปี เหลือ 81.1%
ขณะเดียวกัน จะมีปัจจัยบวกที่เอื้อต่อการลงทุน คือ การลงทุนของภาครัฐ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ จะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ราคาที่ดินในทำเลใกล้การลงทุนมีมูลค่ามากขึ้น ราคาน้ำมันลดลง ทำให้ต้นทุนลดลง อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องติดตามคือ ความผันผวนจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้น เช่น ราคาน้ำมันโลกที่ลดต่ำลงมาก และในไตรมาสที่ผ่านมา ญี่ปุ่นออกนโยบายติดลบ รวมถึงผลพวงจากการถอนตัวของประเทศอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป มีผลต่อเศรษฐกิจไทย ขณะที่ภาคการส่งออกของไทยยังไม่เห็นสัญญาณที่จะกลับมาเป็นบวก
ในส่วนของเอสซีฯได้ปรับแผนลงทุนโครงการใหม่ปีนี้เพิ่มจากเดิม 10 โครงการ เป็น 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 25,000 ล้านบาท สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่หลายค่ายยังไม่กล้าฟันธงว่าจะดีขึ้น จนถึงกับต้องปรับเพิ่มจำนวนลงทุนโครงการใหม่ โดยพัฒนาคอนโดมิเนียมเพิ่มอีก 1 แห่ง รวมเป็น 3 โครงการ ในส่วนแนวราบยังคงจำนวนเท่าเดิมคือ 8 โครงการ ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เปิดโครงการใหม่แล้ว 5 โครงการ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 4 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ
ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะพัฒนาอีก 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 4 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียมจำนวน 2 โครงการ มูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท ในจำนวน 4 โครงการแนวราบใหม่นี้ พัฒนาบนแนวคิดหลัก 1 โครงการ 1 แรงบันดาลใจ เป็นแบรนด์ใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ 1.เดอะเจนทริ สุขุมวิท เป็นบ้านหรู 3 ชั้น แบรนด์ใหม่ ตั้งอยู่บริเวณซอยสุขุมวิท 101 ใกล้กับสถานี BTS ปุณณวิถี พื้นที่ 16 ไร่เศษ จำนวน 57 หลัง ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาท มูลค่า 1,300 ล้านบาท
2. เฮดควอเตอร์ส พัฒนาภายใต้คอนเซ็ปท์ใหม่ 5 ชั้น พร้อมลิฟท์ และเป็นแบรนด์ใหม่ ย่านทาวน์อินทาวน์ ขนาดพื้นที่ 6 ไร่เศษ จำนวน29 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 28 ล้านบาท มูลค่า 850 ล้านบาท
3. แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด พระราม 9 เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น และ 3 ชั้น บนถนนกรุงเทพกรีฑา พื้นที่ 28 ไร่ จำนวน 52 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาท มูลค่า 1,400 ล้านบาท
4. แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์-พระราม 5 เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีแยกติวานนท์และใกล้ทางด่วน พื้นที่ 25 ไร่ จำนวน 41 หลัง ราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาท มูลค่า 1,500 ล้านบาท
5. 28 ทเวนตี้เอท ชิดลม คอนโดมิเนียม high-rise ลิมิเต็ดคอลเลคชั่นแบรนด์ใหม่ล่าสุด บนถนนชิดลม ใกล้กับสถานี BTS ชิดลม และอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พื้นที่ 3 ไร่ มูลค่า 8,000 ล้านบาท
6. แชมเบอร์ส เฌอ รัชดา-รามอินทรา คอนโดมิเนียม low-rise ริมถนนรัชดา-รามอินทรา พื้นที่ 4-1-85 ไร่ มูลค่า 800 ล้านบาท โครงการใหม่ทั้งหมดนี้จะเปิดตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ยกเว้นโครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์-พระราม 5 ได้เปิดพรีเซลส์ไปเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา