xs
xsm
sm
md
lg

เอสซีฯ หืดจับดันเป้ายอดขาย 1.2 หมื่นล้านบาท 6 เดือน ทำได้แค่ 3,463 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์
“เอสซี” เชื่อเศรษฐกิจครึ่งปีหลังโต มั่นใจสร้างยอดขายได้ตามเป้า 12,000 ล้านบาท แน่นอน แม้ยอดขายครึ่งปีแรกแค่ 3,463 ล้านบาท เผยสะต๊อกรอขายกว่า 25,000 ล้านบาท ครึ่งปีหลังเปิดเพิ่มอีก 5 โครงการ มูลค่า 7,000 ล้านบาท ล่าสุดขนสะต๊อกเมืองท่องเที่ยว จัดงาน “SC ASSETHOLIDAY HOME” วันที่ 21-24 ส.ค.นี้ สยามพารากอน ตั้งเป้ายอดขาย 500 ล้านบาท

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า จากปัญหาการเมืองเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี ประกอบกับภาครัฐได้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภค พิจารณาได้จากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของกระทรวงพาณิชย์ ในเดือน ก.ค.อยู่ที่ระดับ 41.4% สูงสุดในรอบ 15 เดือน ทำให้เชื่อว่าทิศทางเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และเชื่อว่าจะสามารถสร้างยอดขายและรายได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ 12,000 ล้านบาท



สำหรับในช่วงครึ่งปีแรก เอสซีฯ สามารถทำยอดขายได้เพียง 3,463 ล้านบาท มีรายได้รวม 4,328 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการดำเนินงาน 4,309 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 415 ล้านบาท และมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 12,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 4,800 ล้านบาท

ในปีนี้บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกได้ซื้อที่ดินใหม่ไปแล้ว 1,900 ล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

“แม้ว่าครึ่งปีแรกรายได้และกำไรของบริษัทดูเหมือนยังห่างเป้าหมาย เนื่องจากไตรมาสแรกได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง แต่ในช่วงเดือนมีนาคมแนวโน้มตลาดเริ่มดีขึ้น และบริษัทเริ่มมียอดโอนคอนโดฯ เข้ามาทำให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปรับตัวดีขึ้นมาก และในไตรมาส 3 และ 4 นี้ ก็มียอดโอนคอนโดฯ เข้ามาเพิ่ม และยังมีรายได้ค่าเช่าออฟฟิศมาช่วยหนุน ทำให้เป้ารายได้ที่ตั้งไว้ทั้งปี 12,000 ล้านบาท” นายณัฐพงศ์ กล่าว

ส่วนยอดขายก็เชื่อว่า จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ 12,000 ล้านบาท แม้ว่าในช่วงครึ่งปีที่เหลือจะต้องสร้างยอดขายถึง 8,537 ล้านบาทก็ตาม โดยปัจจุบันบริษัทมีสินค้ารอขายประมาณ 25,000 ล้านบาท จาก 29 โครงการ แบ่งเป็นบ้านแนวราบ 78% คอนโดมิเนียม 22% และเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 5 โครงการ มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท
คอนโดมิเนียมหรู ย่านศาลาแดง
ครึ่งปีหลังเปิด 5 โครงการใหม่

นอกจากนี้ ในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 4 โครงการ โครงการแนวสูง 1 โครงการ แบ่งเป็นเปิดในไตรมาสที่ 3 จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการบ้านเดี่ยวไลฟ์ บางกอก บูเลอวาร์ด แจ้งวัฒนะ บนพื้นที่กว่า 28 ไร่ มูลค่าโครงการ 830 ล้านบาท จำนวน 116 ยูนิต เริ่มต้น 7-10 ล้านบาท 2. โครงการ ไลฟ์ บางกอก บูเลอวาร์ด วงแหวน-พระราม 9 บนพื้นที่กว่า 45 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ระดับราคา จำนวน 199 ยูนิต เริ่มต้น 5-8 ล้านบาท และ 3. โฮมออฟฟิศ โครงการเวิร์คเพลส ราชพฤกษ์-จรัญฯ บนพื้นที่กว่า 11 ไร่ มูลค่าโครงการ 720 ล้านบาท จำนวน 93 ยูนิต เริ่มต้น 8.89 ล้านบาท

ในช่วงปลายปีเปิดอีก 2 โครงการ ระดับลักซ์ชัวรี คือ โครงการคฤหาสน์หรู กรานาดาเพชรเกษม-ปิ่นเกล้า เนื้อที่ 35 ไร่ ราคาเริ่มต้น 40-50 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมหรูแบรนด์ใหม่ ใน ซอยศาลาแดง ขนาดห้องชุดเริ่มต้นที่ประมาณ 60 ตร.ม. ระดับราคา 2.5 แสนบาท/ตร.ม. มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังเตรียมก่อสร้างอาคารสำนักงานบนถนนพหลโยธิน ใกล้กับอาคารชินวัตร 1 ขนาดพื้นที่ 13,000 ตร.ม. ค่าก่อสร้างประมาณ 800-900 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างขอ EIA รอบที่ 2 คาดว่า จะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายในปีนี้และเปิดให้บริการได้ในปี 2560

ล่าสุดเตรียมจัดงาน “SC ASSETHOLIDAY HOME” ระหว่างวันที่ 21-24 สิงหาคมนี้ ณ บริเวณชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ภายใต้แนวคิด “การพักผ่อนเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ” โดยนำ 3 โครงการที่อยู่ในทำเลชะอำ-หัวหิน และพัทยา โดยเป็นโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่และติดชายทะเล ได้แก่ โครงการบูเลอวาร์ด ทัสคานี ชะอำ-หัวหิน เริ่มต้น 7 ล้านบาท โครงการ เดอะเครสท์ ซานโตรา หัวหิน คอนโดและวิลล่าตากอากาศ ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท และโครงการเซ็นทริค ซี พัทยา เริ่มต้น 2.15 ล้านบาท อยู่ระหว่างการก่อสร้างและคืบหน้าไปแล้วกว่า 40% ผู้สนใจจองภายในงานจะได้รับสิทธิพิเศษ โดยมีมูลค่าส่วนลดสูงสุดถึง 1 ล้านบาท

ด้านนายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัท เอสซีฯ กล่าวว่า บริษัทได้มีการขออนุมัติผู้ถือหุ้นเพื่อดำเนินการออกหุ้นกู้มูลค่า 4.6 พันล้านบาท ในการประชุมผู้ถือหุ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ขณะนี้มองว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะออกหุ้นกู้ในปีนี้ เพราะว่าบริษัทยังมีกระแสเงินสดที่เพียงพอและมีที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ทำให้ในปีนี้อาจจะยังไม่มีการออกหุ้นกู้ แต่คาดว่า ในช่วงกลางปี 2558 จะมีการออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อมาทดแทนหุ้นกู้ชุเดิมที่ครบกำหนดชำระมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น