xs
xsm
sm
md
lg

ลูกเขย “ทักษิณ” ดัน SC ปูพรม 7 โครงการอสังหาฯ มูลค่าหมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์
“ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” เผยแผนลงทุนเอสซีฯปี 57 เปิด 7 โครงการ มูลค่ารวม 10,560 ล้านบาท สวนกระแสการเมืองร้อนระอุ เป็นบ้านแนวราบ 6 โครงการ คอนโดฯ ระดับซูเปอร์ ลักซ์ชัวรี่ ย่านศาลาแดงอีก 1 โครงการ ตั้งเป้าโต 20% รายได้ 12,000 ล้านบาท

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปี 2557 ว่า วางแผนพัฒนาโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 10,560 ล้านบาท โดยยังคงให้ความสำคัญกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน ประกอบด้วย โครงการแนวราบ 6 โครงการ มูลค่ารวม 7,560 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ชะอำ-หัวหิน 1 โครงการ

ในกรุงเทพฯ อีก 5 โครงการ ได้แก่ โครงการ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม โครงการ บางกอก บูเลอวาร์ด ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม โครงการ ไลฟ์ บางกอก บูเลอวาร์ด แจ้งวัฒนะ-ศรีสมาน โครงการ ไลฟ์ บางกอก บูเลอวาร์ด วงแหวน-พระราม 9 รวมถึงโครงการ โฮมออฟฟิศ เวิร์ค เพลส ราชพฤกษ์-จรัญฯ พร้อมกับโครงการแนวสูง คือ โครงการคอนโดมิเนียมหรูในระดับซูเปอร์ ลักซ์ชัวรี่ บริเวณศาลาแดง ภายใต้แบรนด์ใหม่ มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท

สำหรับไตรมาส 2 นี้ บริษัทจะเปิด 2 โครงการ ที่ชะอำ และหัวหิน ระหว่างวันที่ 5-15 เมษายน โดยบริษัทได้จัดแคมเปญ VIP Visit กับ 2 โครงการที่พักตากอากาศติดชายทะเลบริเวณชะอำ-หัวหิน ได้แก่ “โครงการ บูเลอวาร์ด ทัสคานี ชะอำ-หัวหิน” บ้านพักตากอากาศสไตล์ ทัสคานี บนพื้นที่ 52 ไร่ติดทะเล มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท จำนวน 193 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 6-40 ล้านบาทขึ้นไป พร้อมกับ โครงการเดอะเครสท์ ซานโตรา หัวหิน คอนโดมิเนียม และวิลลาตากอากาศสไตล์ซานโตรินี ติดชายหาดหัวหิน หน้ากว้างติดทะเลประมาณ 80 เมตร โดยเป็นอาคารโลว์ไรส์สูง 4 ชั้น จำนวน 10 อาคาร จำนวนเพียง 171 ยูนิต และ Ocean Front Pool Villa สุดหรูแบบส่วนตัว จำนวน 10 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 30 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่

ทั้งนี้ เมื่อรวมกับ 7 โครงการใหม่ มูลค่า 10,560 ล้านบาท กับโครงการต่อเนื่องที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 28 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 25,000 กว่าล้านบาท จะทำให้ในปี 57 บริษัทฯ มีโครงการที่เปิดขายรวมทั้งสิ้น 35 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 35,600 ล้านบาท

นายณัฐพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการเริ่มต้นทศวรรษที่ 2 หรือ ปีที่ 11 ของเอสซีฯ ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืนหลังจากที่สามารถทำรายได้เกิน 10,000 ล้านบาท ในปีที่ 10 ที่ผ่านมา ซึ่งก้าวสำคัญต่อไปคือ นอกจากการเติบโตต่อเนื่องทั้งรายได้ และกำไรสุทธิแล้ว ยังต้องสามารถรักษา หรือพัฒนามาตรฐานคุณภาพของสินค้า และบริการหลังการขายได้อย่างต่อเนื่องภายใต้พันธสัญญา (Commitment) ที่ให้ไว้ต่อลูกค้าทั้งหมด โดยทิศทางหลักที่จะดำเนินการในช่วงแรกของทศวรรษที่ 2 ประกอบด้วย

1.การปรับปรุง และพัฒนาภายในองค์กร ตั้งแต่การวางแนวทางในการพัฒนาบุคลากร (Competency) กระบวนการทำงาน รวมไปถึงวัฒนธรรมองค์กร เพื่อรองรับการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิ ซึ่งจะรวมไปกับการเติบโตของจำนวนโครงการ จำนวนลูกบ้าน และพนักงานที่มากขึ้นในแต่ละปี

2.การสร้างและสานต่อความสัมพันธ์ที่แข็งแรงต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทางธุรกิจทั้งหมด (Stakeholder) นับตั้งแต่ผู้ถือหุ้น ลูกค้า บริษัทคู่ค้า พนักงาน และสังคม เพราะการเติบโตที่แข็งแรง และยั่งยืนที่สุด คือการเติบโตไปพร้อมๆ กันและส่งเสริมกัน

ซึ่งทั้ง 2 ทิศทางนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยในปี 2014 เอสซีฯ ตั้งเป้าการเติบโตทางรายได้ที่ 12,000 ล้านบาท หรือ 20% โดยมีความมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย เพราะในปีนี้บริษัทฯ มียอดขายที่รอรับรู้รายได้ หรือ Backlog สูงถึง 40% ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่เริ่มธุรกิจมา
กำลังโหลดความคิดเห็น