รองโฆษกทัพบก ยันไม่ได้เข้าข้างใคร ขออย่าพูดตามความรู้สึก ไม่ได้ถูกสั่งการของใคร บอกอดีต ผบ.ชี้นำก็เดาทิ้งสิ้น จวกบางกลุ่มก้าวร้าวใช้คำหยาบไม่สร้างสรรค์ ด้าน “ประยุทธ์” สั่งรวบรวมเหตุรุนแรงทางการเมือง แยก 3 บัญชี คดี กปปส., นปช.และชาวบ้าน เพื่อให้ตำรวจติดตามความคืบหน้า เตือนอย่ายุ่งของผิดกฎหมาย จับตาแกนนำม็อบพาดพิงเสียดสี
วันนี้ (14 มี.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่บางกลุ่มพยายามสร้างกระแสว่า กองทัพมีการปฏิบัติที่ไม่เป็นกลางว่า ยืนยันว่า ทหารไม่ได้อยู่ข้างใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งการปฏิบัติใดๆ ของกองทัพบกมีเหตุผลที่สามารถอธิบาย หรือตอบกับสังคมได้ ดังนั้นขออย่าพูดกันไปโดยอาศัยเพียงทัศนคติหรือความรู้สึกส่วนตัว เพราะต้องมีหลักฐานข้อพิสูจน์ในเชิงสาธารณะด้วย เพราะอาจเป็นการปลุกเร้าคนอื่นๆ ให้เข้าใจสับสนได้ ทั้งนี้ที่ผ่านมา กองทัพบก โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้พยายามวางบทบาท และทำหน้าที่อย่างเหมาะสมที่สุดภายใต้กรอบกฎหมาย โดยมีเอกภาพในการบริหารกองทัพบกในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ไม่ได้บริหารภายใต้การชี้นำหรือการสั่งการของใครอย่างที่บางคนเข้าใจ
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ส่วนกระแสข่าวว่า อาจมีการชี้นำการปฏิบัติจากอดีตผู้บังคับบัญชานั้น เป็นเพียงการคาดเดาทั้งสิ้น ปัจจุบันอดีตผู้บังคับบัญชาทุกท่านเข้าใจ เคารพและให้เกียรติกันตามธรรมเนียมวัฒนธรรมองค์กร อีกทั้งไม่เคยมีการเข้ามาแทรกแซงในเรื่องการทำงานใดๆ อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่ามีคนบางกลุ่มที่พูดจาบนเวทีต่างๆ ที่อาจดูไม่ค่อยเหมาะสมบ่อยครั้ง และแสดงออกในลักษณะก้าวร้าว ใช้คำหยาบคายต่อว่ากัน ซึ่งถือว่าไม่สร้างสรรค์ และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้เด็กและเยาวชน บางครั้งอาจเป็นการละเมิดสิทธิบุคคลอื่นอีกด้วย จึงขอให้คำนึงถึงผลกระทบต่อประเทศในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานในการประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวัน โดยในที่ประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลเหตุการณ์ความรุนแรงที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงการชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมา โดยให้แยกบัญชีเหตุการณ์และคดีออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มคดีที่เกิดขึ้นกับแกนนำ กปปส. กลุ่ม นปช.และประชาชนผู้บริสุทธิ์ เพื่อให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามความคืบหน้าของคดีต่างๆ พร้อมกำชับให้ผู้บังคับหน่วยดูแลพฤติกรรมกำลังพล ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย ทั้งยาเสพติด และขบวนการค้าอาวุธสงครามตามแนวชายแดน อีกทั้งยังให้ติดตามความเคลื่อนไหวการใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม และมีการพาดพิง เสียดสีของแกนนำเคลื่อนไหวทางการเมืองทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่ม กปปส.ในกรุงเทพฯ และกลุ่ม นปช.ในต่างจังหวัด
นอกจากนี้ ผบ.ทบ.ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(รอง ผอ.รมน.) ยังเน้นย้ำให้ กอ.รมน.ภาค ใช้เวทีหารือกับฝ่ายต่างๆ ในแต่ละจังหวัดโดยสอดแทรกในเรื่องบทบาทหน้าที่การพิทักษ์รักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยให้รอง ผอ.รมน.จังหวัด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารร่วมมือกับทุกภาคส่วนให้การดำเนินการเป็นในแนวทางเดียวกัน