ท่ามกลางภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ กำลังซื้อชะลอตัว การแข่งขันสูง ทำให้ผู้ประกอบการทุกรายต้องหาทางปรับตัว เพื่อความอยู่รอด โดยผู้ประกอบการรายใหญ่จะมีความได้เปรียบด้านต้นทุนที่ต่ำกว่า ทั้งด้านการเงิน การบริหารจัดการทุกด้าน ขณะที่รายเล็กและรายกลางจะเสียเปรียบหากไม่มีแผนดารปรับตัว เพื่อฝ่าวิกฤตอาจจะต้องพบกับปัญหาต่างๆมากมายบริษัท ซื่อตรงกรุ๊ป จำกัด เป็นผู้ประกอบการรายกลางที่อยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์มานานจึงสามารถปรับตัวให้ผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจมาได้ทุกครั้ง
ภาวะวิกฤตครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ซื่อตรงกรุ๊ป โดยนายรุ่งรัตน์ ลิ่มทองแท่ง กรรมการผู้จัดการ ได้เตรียมแผนรับมือกับภาวะดังกล่าวมาตั้งแต่กลางปี 2558 เพราะคาดว่า ในปี 2559 ธุรกิจจะประสบปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ด้านการแข่งขันช่วงชิงกำลังซื้อที่มีอยู่ไม่มากนัก ซื่อตรง กรุ๊ป จึงจำเป็นต้องโฟกัสกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน และมุ่งทำตลาดตรงไปยังลูกค้ากลุ่มนั้น รวมถึงบริหารจัดการแผนการลงทุนให้เหมาะกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป ความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น ไม่ได้ต้องบ้านเพียงเพื่อพักอาศัยเท่านั้น แต่ยังต้องมีความสะดวกสบายในการพักอาศัยด้วย ตามสไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์
แผนการลงทุนถูกวางอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เริ่มจากโครงการที่จะลงทุนใหม่จะมีสินค้าที่หลากหลาย มีทั้งบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด เพราะผู้พักอาศัยชอบที่จะพักอาศัยในบ้านเดี่ยวที่มีบริเวณ ขณะที่บางครอบครัวอาจจะไม่พรัอมที่จะซื้อบ้านเดี่ยว เพราะราคาสูง แต่ต้องการพื้นที่ใช้สอยใกล้เคียงกับบ้านเดี่ยว บริษัทจึงเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าด้วยการพัฒนาบ้านแฝดด้วย เพื่อตอบสนองลูกค้าทั้งสองกลุ่ม
โครงการซื่อตรงโคซี่ รังสิต คลอง 6 เฟส 5 เป็นโครงการที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อรองรับกำลังซื้อกลุ่มดังกล่าว ซึ่งมีทั้งบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด โดยบ้านแฝด มีพื้นที่ 50 ตารางวา บ้านแฝด พื้นที่ 35 ตารางวา จำนวน 231 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท จากเฟสก่อนหน้านั้นมีบ้านเดี่ยว พื้นที่ 50 ตารางวา ซึ่งราคาบ้านอยู่ที่ 3 ล้านบาทขึ้นไป หากปรับลดขนาดที่ดินลงเหลือ 35 ตารางวา จะสามารถลดราคาบ้านลงได้อย่างน้อย 300,000 บาท เพื่อจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น คาดว่าเปิดขายได้ในปลายปี 2559 หรือต้นปี 2560
ขณะที่โครงการซื่อตรงพรีเมียม พระราม 2 จะเน้นเป็นบ้านสั่งสร้างมากกว่าบ้านพร้อมอยู่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยบริษัทมีผู้รับเหมาให้พร้อม สำหรับส่วนที่ปรับแบบ เจ้าของบ้านจ่ายตรงให้กับผู้รับเหมา
ภาวะวิกฤตครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ซื่อตรงกรุ๊ป โดยนายรุ่งรัตน์ ลิ่มทองแท่ง กรรมการผู้จัดการ ได้เตรียมแผนรับมือกับภาวะดังกล่าวมาตั้งแต่กลางปี 2558 เพราะคาดว่า ในปี 2559 ธุรกิจจะประสบปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ด้านการแข่งขันช่วงชิงกำลังซื้อที่มีอยู่ไม่มากนัก ซื่อตรง กรุ๊ป จึงจำเป็นต้องโฟกัสกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน และมุ่งทำตลาดตรงไปยังลูกค้ากลุ่มนั้น รวมถึงบริหารจัดการแผนการลงทุนให้เหมาะกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป ความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น ไม่ได้ต้องบ้านเพียงเพื่อพักอาศัยเท่านั้น แต่ยังต้องมีความสะดวกสบายในการพักอาศัยด้วย ตามสไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์
แผนการลงทุนถูกวางอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เริ่มจากโครงการที่จะลงทุนใหม่จะมีสินค้าที่หลากหลาย มีทั้งบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด เพราะผู้พักอาศัยชอบที่จะพักอาศัยในบ้านเดี่ยวที่มีบริเวณ ขณะที่บางครอบครัวอาจจะไม่พรัอมที่จะซื้อบ้านเดี่ยว เพราะราคาสูง แต่ต้องการพื้นที่ใช้สอยใกล้เคียงกับบ้านเดี่ยว บริษัทจึงเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าด้วยการพัฒนาบ้านแฝดด้วย เพื่อตอบสนองลูกค้าทั้งสองกลุ่ม
โครงการซื่อตรงโคซี่ รังสิต คลอง 6 เฟส 5 เป็นโครงการที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อรองรับกำลังซื้อกลุ่มดังกล่าว ซึ่งมีทั้งบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด โดยบ้านแฝด มีพื้นที่ 50 ตารางวา บ้านแฝด พื้นที่ 35 ตารางวา จำนวน 231 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท จากเฟสก่อนหน้านั้นมีบ้านเดี่ยว พื้นที่ 50 ตารางวา ซึ่งราคาบ้านอยู่ที่ 3 ล้านบาทขึ้นไป หากปรับลดขนาดที่ดินลงเหลือ 35 ตารางวา จะสามารถลดราคาบ้านลงได้อย่างน้อย 300,000 บาท เพื่อจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น คาดว่าเปิดขายได้ในปลายปี 2559 หรือต้นปี 2560
ขณะที่โครงการซื่อตรงพรีเมียม พระราม 2 จะเน้นเป็นบ้านสั่งสร้างมากกว่าบ้านพร้อมอยู่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยบริษัทมีผู้รับเหมาให้พร้อม สำหรับส่วนที่ปรับแบบ เจ้าของบ้านจ่ายตรงให้กับผู้รับเหมา