กูรูแนะภาคธุรกิจยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อมเหนือมาตรฐาน เตรียมพร้อมก้าวสู่ผู้นำ AEC
การก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ทำให้ทุกภาคส่วนของประเทศ รวมถึงภาคอุตสาหกรรม เร่งความพร้อมสู่การเปิดเสรีของ 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายชุตินทร คงศักดิ์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ภาคสังคมและภาคเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน เป็นสิ่งที่ประเทศมหาอำนาจต่างก็กำลังจับตามอง โดยในภูมิภาคอาเซียนที่มีประชากรอาศัยอยู่กว่า 600 ล้านคนนี้ มีการลงทุน มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) รวมกัน 10 ประเทศ อยู่ที่ 2.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และมีการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.22 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดย 17% นั้น เป็นการลงทุนภายในประเทศอาเซียนด้วยกันเอง
“การเกิดขึ้นของประชาคมอาเซียนยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก เรื่องนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะแต่ละประเทศยังยึดติดในความเป็นประเทศเขาประเทศเราอยู่ เราต้องใส่ความเป็นอาเซียนให้มากขึ้น เราต้องคิดว่าเราเป็นหุ้นส่วนกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อการพัฒนาร่วมกัน”
ขณะที่ รศ.ดร.ประภัสสร์ เทพชาตรี ผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีจุดแข็งด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ เนื่องจากตั้งอยู่บนจุดศูนย์กลางของอาเซียน ในขณะที่ภาคเอกชนเองก็มีศักยภาพ ทว่าสิ่งสำคัญคือความร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน หรือความร่วมมือระหว่างประเทศก็ตาม
“เราต้องคิดว่าเป้าหมายใหญ่คือการนำพาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของ AEC ภาครัฐเอกชนควรร่วมมือกัน ผลักดันให้ประเทศเป็นศูนย์กลางด้านต่างๆ ทั้งด้านการค้าด้านบริการ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านอุตสาหกรรมต่างๆ และประเทศไทยต้องปรับกระบวนทัศน์ในการทำธุรกิจ โดยแทนที่จะมองว่าประเทศเพื่อนบ้านคือคู่แข่ง อาเซียนควรคิดว่าเราคือตลาดและฐานการผลิตเดียว นอกจากนี้ เราควรมีความพร้อมที่จะปรับตัว เพื่อให้ภาคธุรกิจมีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง” รศ.ดร.ประภัสสร์ กล่าว