ทียูเอฟเผยการซื้อกิจการบัมเบิลบีผู้นำด้านอาหารทะเลสำเร็จรูปในทวีปอเมริกาเหนือครั้งนี้เป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท และเป็นหนึ่งในเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับการสร้างการเติบโตทางธุรกิจ พร้อมเดินหน้ากำหนดอนาคตนวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารทะเลสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป คาดข้อตกลงทางธุรกิจจะเสร็จสมบูรณ์อย่างเป็นทางการภายในไตรมาสที่สองของปี 2558
บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือทียูเอฟ ผู้นำและเชี่ยวชาญด้านอาหารทะเล และผู้ผลิตทูน่าบรรจุกระป๋องอันดับหนึ่งของโลก ประกาศว่าเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2557 ได้บรรลุข้อตกลงการเข้าถือหุ้นจำนวน 100 เปอร์เซนต์ ของบริษัท บัมเบิลบี ซีฟู้ดส์ แบรนด์อาหารทะเลสำเร็จรูปที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งการเข้าซื้อกิจการนี้ จะส่งผลให้กลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการบริหารจัดการวัตถุดิบและการผลิต พร้อมทั้งการสร้างความก้าวหน้าในนวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดทวีปอเมริกาเหนือ รวมถึงจะช่วยเพิ่มศักยภาพของกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทะเลสำเร็จรูปพร้อมรับประทานในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
สำหรับบัมเบิลบี ซีฟู้ดส์ ถือครองกรรมสิทธิ์โดยกองทุนไลออน แคปิตอล การรวมกิจการโดยทียูเอฟครั้งนี้มีมูลค่าถึง 1.51 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งยูบีเอส (UBS) ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาการควบรวมกิจการให้ทียูเอฟ ขณะที่ Morgan Stanley และ Rothschild ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาการเงินให้บัมเบิลบี โดยคำนวนที่ราคา 32 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งภายหลังจากการรวมกันแล้ว มูลค่าของธุรกรรมนี้อยู่ที่ 8.6 เท่าของกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ และค่าเสื่อมราคาของบัมเบิลบีในปี 2557 โดยประมาณ
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของทียูเอฟ ให้ความเห็นว่า ข้อตกลงการซื้อกิจการครั้งนี้ ถือเป็นการซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท และเป็นหนึ่งในเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับการสร้างการเติบโตทางธุรกิจด้วยการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งเมื่อการดำเนินการทั้งหมดเสร็จสิ้นจะเพิ่มการทำกำไรให้ทียูเอฟทันที รวมทั้ง เพิ่มรายได้และกระแสเงินสดของกลุ่มบริษัทที่ 25 เปอร์เซนต์ โดยประมาณ
บัมเบิลบี ซีฟู้ดส์ เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลสำเร็จรูปในทวีปอเมริกาเหนือ เมื่อรวมธุรกิจกับกลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยนแล้ว จะลดต้นทุนการดำเนินงาน การปรับปรุงประสิทธิภาพ และการสร้างความเป็นผู้นำระดับโลกในด้านอาหารทะเลสำเร็จรูป ทั้งนี้ ความมุ่งมั่นของกลุ่มทียูเอฟคือการกำหนดอนาคตของนวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารทะเลสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป
นายชาน ชู วิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชิคเก้นออฟเดอะซี อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า กลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยนเข้ามาดำเนินธุรกิจในสหรัฐอเมริกากว่า 17 ปีแล้ว โดยการเข้าซื้อกิจการนี้เป็นสัญญาณของความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของบริษัทที่มีต่อตลาดอาหารทะเลขนาดใหญ่อันดับสองของโลก
“เราเป็นนักลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่มีวิสัยทัศน์ยาวไกลต่อตลาด ซึ่งเราเชื่อว่าการรวมกันนี้ทำให้เราสามารถเสริมศักยภาพของกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทะเลบรรจุกระป๋องในตลาดอเมริกาเหนือได้เป็นอย่างดี”
บัมเบิลบี ซีฟู้ดส์ มีสำนักงานใหญ่ที่ซานดิเอโก และมียอดขายโดยประมาณมากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐ กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้และค่าเสื่อมที่ 145 ล้านเหรียญสหรัฐโดยประมาณ ในปี 2557 บัมเบิลบี มีพนักงานจำนวนกว่า 1,300 คน ที่ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารทะเลบรรจุกระป๋องและบรรจุถุง ครอบคลุมตลาดในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
“การเข้าซื้อกิจการบัมเบิลบีโดยกลุ่มไทยยูเนี่ยนครั้งนี้ แสดงถึงอีกก้าวที่น่าตื่นเต้นของการพัฒนาทางธุรกิจ เรามีความภูมิใจที่มีบทบาทสำคัญต่อวิวัฒนาการของบัมเบิลบีตลอดสี่ปีที่ผ่านมา และขอขอบคุณพันธมิตรทางธุรกิจของเรา มร. คริส ลิสชิวสกี้ และทีมผู้บริหาร ที่ช่วยให้เราบรรลุผลสำเร็จในผลตอบแทนการลงทุน เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ค้นพบบ้านใหม่สำหรับบัมเบิลบี ที่เป็นที่ยอมรับในศักยภาพอย่างทียูเอฟ ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่นในการสร้างการเติบโตและต่อความก้าวหน้าให้กับธุรกิจบัมเบิลบีต่อไปในอนาคต” มร. ลินดอน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไลออน แคปิตอล กล่าวเสริม
“ผมเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า ไทยยูเนี่ยนและบัมเบิลบี ซีฟู้ดส์ แสดงให้เห็นถึงการรวมกันอย่างเป็นธรรมชาติด้วยพลังเสริมส่งซึ่งกันและกันของทั้งสององค์กร เราต่างยึดวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นต่อการสร้างนวัตกรรม ความเป็นเลิศในการปฏิบัติการ การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และการสร้างคุณค่าต่อลูกค้าของเรา ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายเหตุผลของการรวมกันครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อลูกค้า ผู้บริโภค และอุตสาหกรรมของเราในภาพรวม ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ เราต่างมุ่งมั่นในการส่งเสริมบทบาทสำคัญในฐานะผู้นำด้านอาหารทะเลที่ดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ” มร. คริส ลิสชิวสกี้ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบัมเบิลบี ซีฟู้ดส์ กล่าว
การดำเนินการซื้อกิจการดังกล่าวนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการอนุมัติโดยกระทรวงการยุติธรรมของสหรัฐฯ รวมทั้งเงื่อนไขการปิดดีลที่กำหนดไว้ในข้อตกลงการซื้อกิจการ ขณะที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าข้อตกลงการซื้อกิจการ 100 เปอร์เซนต์จะบรรลุเสร็จสิ้นเมื่อไร แต่กลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยนและบัมเบิลบี คาดการณ์ว่าข้อตกลงทางธุรกิจนี้จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์อย่างเป็นทางการภายในไตรมาสที่สองของปีพ.ศ.2558
ทั้งนี้ เป็นเวลากว่า 37 ปีที่ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือทียูเอฟ ได้สนองตอบความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกในด้านผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และสะดวกในการรับประทาน โดยเป็นเจ้าของแบรนด์ชั้นนำในต่างประเทศ เช่น Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, Century และแบรนด์ที่จำหน่ายภายในประเทศไทย เช่น ซีเล็ค ฟิชโช และเบลลอตต้า
ปัจจุบันทียูเอฟถือเป็นผู้ผลิตทูน่าบรรจุกระป๋องที่ใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลรายใหญ่ของโลก ด้วยยอดขายกว่าหนึ่งแสนล้านบาทต่อปี (3.66 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีการจ้างงานกว่า 35,000 ตำแหน่งทั่วโลก และในฐานะที่ทียูเอฟ เป็นบริษัทที่ยึดมั่นในนวัตกรรม และการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เราภูมิใจที่ได้เข้าเป็นภาคีข้อตกลงระดับโลกแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น โกลบอล คอมแพค รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากลอีกด้วย