แนะองค์กรเตรียมพร้อมรับมือการจัดการข้อมูลในอนาคต เจาะลึกดาต้าเซ็นเตอร์ตัวช่วยสำคัญ

เผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทิศทางที่เป็นแนวโน้มต่างๆ ของดาต้าเซ็นเตอร์ ตัวช่วยที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการข้อมูลของบริษัททุกขนาด ชี้ซอฟท์แวร์ที่เป็นตัวขับเคลื่อนจะมีความยืดหยุ่นแบบคาดไม่ถึง มีความปลอดภัยและสามารถปรับขยายได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน เชื่อคลาวด์จะมีความสำคัญเพิ่มขึ้น แนะใช้ทั้งแบบกายภาพ ตามกฎหมาย และโลจิคัล ร่วมกัน

เดิร์ก-ปีเตอร์ แวน ลีอูเว็น รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป เรดแฮท เอเชียแปซิฟิก ผู้ให้บริการโซลูชั่นโอเพ่นซอร์สชั้นนำของโลก กล่าวว่า โลกธุรกิจทุกวันนี้ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ดังนั้น การมีโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมและอยู่ในตำแหน่งที่สามารถรับมือกับปริมาณข้อมูลมหาศาลได้ จึงเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งนี้ ดาต้าเซ็นเตอร์มีบทบาทสำคัญในการจัดการข้อมูลของบริษัททุกขนาด สามารถทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจำนวนมากที่จำเป็นในการนำองค์กรสู่ความสำเร็จจะได้รับการประมวลผลและจัดเก็บไว้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดาต้าเซ็นเตอร์ดูเหมือนจะเติบโตอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากบิ๊กดาต้ายังคงเป็นตัวผลักดันให้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การกำหนดอัตราการเติบโตของข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีข้อสงสัยว่าแล้วดาต้าเซ็นเตอร์ในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

นอกจากปัจจัยเหล่านี้แล้ว องค์กรยังมีข้อกังวลอื่นๆ เช่น พื้นที่ทางกายภาพที่จำกัด และความจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะกำหนดว่าดาต้าเซ็นเตอร์ในอนาคตจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ได้เริ่มศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทิศทางที่เป็นแนวโน้มต่างๆ แล้ว

โดยซอฟต์แวร์จะเป็นตัวขับเคลื่อนดาต้าเซ็นเตอร์ จากการที่ปัญหาที่เพิ่มขึ้นในการทำธุรกิจทุกวันนี้ เพราะพลังของการใช้คอมพิวเตอร์ในดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดและเร็วที่สุดบางแห่งของโลกเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก แต่สำหรับองค์กรส่วนใหญ่ การควบคุมพลังนี้และการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในองค์กรเป็นเรื่องที่อยู่นอกขอบเขตของความเป็นไปได้ ดังนั้น จะมีวิธีการใดบ้างในปัจจุบันที่สามารถทำได้ เพื่อจะใช้ประโยชน์จากการประมวลผลข้อมูลได้ด้วยทรัพยากรที่จำกัด

ทั้งนี้ คำตอบอาจจะอยู่ในดาต้าเซ็นเตอร์ที่ขับเคลื่อนโดยแอพพลิเคชั่นที่เป็นซอฟต์แวร์ บทความจาก Wikibon เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2557 ได้คาดการณ์ว่าธุรกิจต่างๆ ในอนาคตจะดำเนินงานด้วยดาต้าเซ็นเตอร์ที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ ข้อมูลจาก Wikibon ยังระบุอีกว่าดาต้าเซ็นเตอร์ที่ขับเคลื่อนโดยซอฟต์แวร์เหล่านี้จะมีความยืดหยุ่นแบบคาดไม่ถึง มีความปลอดภัยและสามารถปรับขยายได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน เพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลให้กับองค์กร และทำให้มั่นใจได้ว่าดาต้าเซ็นเตอร์จะสามารถเติบโตไปพร้อมกับองค์กร
ในอนาคตคลาวด์จะเป็นตัวขับเคลื่อนดาต้าเซ็นเตอร์ สำหรับคลาวด์คอมพิวติ้ง ซึ่งวางสถานะตนเองเป็นผู้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศในทุกด้าน โดยผลการสำรวจ 2013 Future of Cloud Computing จาก North Bridge Venture Partners and GigaOM พบว่า เกือบสองในสามขององค์กรในปัจจุบัน (63 %) ใช้งาน Software-as-a-Service เพิ่มขึ้น 15 % จากปีที่ผ่านมา จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า คลาวด์จะเป็นฟีเจอร์สำคัญของดาต้าเซ็นเตอร์ในอนาคต
นอกจากนี้ สถานที่ตั้งของดาต้าเซ็นเตอร์จะมีมากกว่าหนึ่งแห่ง เมื่อการที่ซอฟต์แวร์และคลาวด์คอมพิวติ้งมีความสำคัญต่อดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มมากขึ้น คาร์สเตน แคสเปอร์ รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ คาดการณ์ว่าสถานที่ตั้งของดาต้าเซ็นเตอร์จะกลายเป็นเสมือน “ขาดความเชื่อมโยงมากขึ้น” และจะเกิดสถานที่ตั้งดาต้าเซ็นเตอร์หลากหลายแบบให้เราได้พิจารณาใช้กันในอนาคต

ทั้งนี้ นอกจากสถานที่ตั้งทางกายภาพแล้ว ยังมี "สถานที่ตั้งตามกฎหมาย" ซึ่งกำหนดโดยหน่วยงานตามกฎหมายที่ควบคุมด้านดาต้า รวมทั้งองค์กรเองด้วย และ "สถานที่ตั้งทางโลจิคัล" ซึ่งกำหนดโดยการพิจารณาด้านโลจิสติก ว่าข้อมูลสำคัญส่วนใหญ่ควรจะอยู่ที่ใด อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่าไม่ควรแยกใช้งานสถานที่ตั้งด้านต่างๆ เหล่านี้ที่ดูเหมือนจะมีความแตกต่างกัน
“ไม่มีสถานที่เก็บดาต้าแบบใดที่สามารถแก้ปัญหาที่เก็บข้อมูลได้เพียงลำพัง องค์กรจะใช้สถานที่หลายๆ แห่งด้วยรูปแบบการให้บริการที่หลากหลาย" แคสเปอร์กล่าว และด้วยแนวคิดดังกล่าวนี้ จึงเป็นเรื่องสำคัญมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในการพิจารณาใช้ดาต้าเซ็นเตอร์แบบกายภาพ ตามกฎหมาย และโลจิคัลร่วมกัน แทนที่จะใช้แยกกัน การเติบโตของคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ที่ขับเคลื่อนโดยซอฟต์แวร์ซึ่งใช้ประโยชน์จากกระบวนการของโอเพ่นซอร์ส เป็นแนวโน้มที่จะช่วยให้แนวคิดนี้เป็นจริงได้