xs
xsm
sm
md
lg

แนะวิธีปลดหนี้ ห่วงคนไทยหนี้เพิ่ม-ใช้จ่ายเกินตัว เตือนละเลยอาจถึงขั้นล้มละลาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมาคมนักวางแผนการเงินไทย (TFPA) มองสถานการณ์ปัญหาหนี้ครัวเรือนน่าเป็นห่วง แนะผู้บริโภคผ่อนชำระหนี้แต่ละเดือนไม่ควรจะสูงเกินกว่าร้อยละ 36 ของรายได้ หากสูงเกินกว่านี้อาจส่งผลต่อการผ่อนชำระหนี้ในอนาคต และอาจนำไปสู่การฟ้องร้องให้เป็นบุคคลล้มละลายได้

ธีระ ภู่ตระกูล นายก สมาคมนักวางแผนการเงินไทย กล่าวว่า จากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งครอบคลุมรวมไปถึงหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล ที่เริ่มมีสัญญาณการหยุดชำระหนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มผู้มีรายได้ต่ำ อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน การหลีกเลี่ยงการก่อหนี้มีความเป็นไปได้ยากมากขึ้น ดังนั้น วิธีการที่ดีที่สุดคือ ทุกคนจะต้องเรียนรู้และมีการบริหารจัดการหนี้ที่ดี เพื่อลดปัญหาวิกฤติหนี้สินที่มี

โดยแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ควรเริ่มจากการสำรวจภาระหนี้สินที่มีว่ามีจำนวนเท่าใดที่เป็นหนี้สินที่ดี คือเป็น “หนี้ที่สร้างความมั่งคั่ง” หรือ “หนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต” เช่น หนี้กู้ยืมซื้อบ้าน หรือเพื่อการศึกษาของบุตร มีจำนวนเท่าใด และหนี้สินรวมทั้งหมดมีจำนวนเท่าใด ทั้งนี้ จำนวนเงินผ่อนชำระในแต่ละเดือนควรจะไม่สูงเกินกว่าร้อยละ 36 ของรายได้ เพราะหากสูงเกินกว่านี้ อาจส่งผลต่อการผ่อนชำระหนี้ในอนาคต และอาจนำไปสู่การฟ้องร้องให้เป็นบุคคลล้มละลายได้

นอกจากนี้ ควรพยายามลดในส่วนของ “หนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดความมั่งคั่ง” เป็นลำดับแรก เพราะหนี้สินเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้สินที่เกิดจากการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน โดยการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต หรือสินเชื่อบุคคล ซึ่งเป็นหนี้ระยะสั้น และมีอัตราดอกเบี้ยสูง

อีกทั้ง ควรจะสำรวจทรัพย์สินที่ไม่มีความจำเป็นและสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสด เพื่อลดภาระหนี้ดังกล่าวรวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้โดยการหาแหล่งเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ เช่น เงินกู้สวัสดิการพนักงาน เพื่อนำไปปลดหนี้ที่มีต้นทุนดอกเบี้ยสูง นอกจากนี้ ควรพยายามจ่ายหนี้ให้มากกว่าอัตราชำระขั้นต่ำ มิเช่นนั้นโอกาสที่จะทำให้หลุดพ้นจากวงจรหนี้เป็นไปได้ยากมาก เพราะจะจ่ายได้ในส่วนของดอกเบี้ยเท่านั้น ไม่ได้ทำให้เงินต้นลดลงแต่อย่างใด

ในขณะเดียวกัน ควรมีการบริหารรายรับรายจ่ายให้สมดุลโดยการทำบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อให้ทราบถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงและสามารถใช้เป็นข้อพิจารณาในการลดรายจ่ายฟุ่มเฟื่อยหรือไม่จำเป็นลงได้ ทำให้มีรายรับสุทธิเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปชำระหนี้ ซึ่งควรจะนำไปชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงเป็นลำดับแรก และในจำนวนอื่นที่มีดอกเบี้ยต่ำลดลงมาตามลำดับ

นอกจากนี้ ยังต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคควบคู่กันไป โดยให้ใช้จ่ายตามความจำเป็นเท่านั้น อย่าใช้จ่ายตามความต้องการ ซึ่งจะเป็นการใช้จ่ายตามกระแสการโฆษณาประชาสัมพันธ์อันเป็นกลยุทธ์การตลาดเพื่อกระตุ้นการบริโภคสินค้า
อย่างไรก็ตาม หลายๆ ครั้งการเป็นหนี้ อาจเกิดจากความจำเป็นที่ไม่สามารถคาดการได้ เช่น หนี้ที่เกิดจากรายการค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล ตกงาน หรือซ่อมแซมบ้าน เป็นต้น ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาดังกล่าว เมื่อปลอดจากภาระปัญหาหนี้สินแล้ว ควรมีการเก็บออมเงินเพื่อสภาพคล่องไว้จำนวนหนึ่ง อาทิ ฝากธนาคาร ให้เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายปกติได้จำนวนอย่างน้อย 6 เดือน
กำลังโหลดความคิดเห็น