xs
xsm
sm
md
lg

คุณยาย “พลทหาร เอสโซ่” เล่าทั้งน้ำตา หลานชายใกล้ปลดประจำการแต่ด่วนจากไปก่อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อุดรธานี - “เอสโซ่” ลูกหลานชาวอุดรธานี สังกัด ร.13 พัน.3 ถูกสะเก็ดระเบิด-กระสุนเจาะหลังขณะปฏิบัติหน้าที่ที่ศรีสะเกษ ก่อนสิ้นใจ ยายวัย 64 เปิดใจทั้งน้ำตา หลานชายใกล้ปลดประจำการแต่ต้องจากไปก่อน ญาติ-ชาวบ้านร่วมแรงเตรียมรับร่างสุดอาลัย ภูมิใจหลานสละชีพเพื่อชาติ


จากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งยังคงมีการปะทะอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีรายงานการสูญเสียกำลังพลเพิ่มขึ้น โดยยอดทหารที่พลีชีพจากการปฏิบัติหน้าที่ในแนวหน้าเพิ่มเป็น 21 นาย หนึ่งในผู้เสียชีวิตคือ พลทหาร วสันต์ ขานหัวโทน ชื่อเล่น “เอสโซ่” สังกัดค่ายเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ กรมทหารราบที่ 13 พัน.3 (ร.13 พัน.3) ลูกหลานชาวจังหวัดอุดรธานี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเทื่อม ตำบลเขือน้ำ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

รายงานระบุว่า พลทหาร วสันต์ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากสะเก็ดระเบิดและกระสุนปืนเข้าบริเวณด้านหลังขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่แนวหน้า อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนจะเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัวและเพื่อนทหารร่วมรบ

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (18 ธันวาคม 2568) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 131 หมู่ 13 บ้านเทื่อม ตำบลเขือน้ำ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของพลทหารวสันต์ โดยมีคุณยายและป้าอาศัยอยู่ พบว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความอาลัย ทั้งนี้มีกำลังพลจากค่ายเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ ร.13 พัน.3 เดินทางมาช่วยกันทำความสะอาดพื้นที่ ตัดหญ้า และเก็บกวาดบริเวณบ้าน เพื่อเตรียมสถานที่รองรับการเคลื่อนย้ายร่างของพลทหาร วสันต์กลับภูมิลำเนา

ขณะเดียวกัน เพื่อนบ้านต่างมาร่วมแรงร่วมใจกันตระเตรียมอาหารเพื่อรองรับญาติพี่น้องและผู้ที่จะเดินทางมาร่วมแสดงความอาลัย นอกจากนี้ ชาวบ้านยังช่วยกันจัดเตรียมเมนูอาหารในวันนี้ ประกอบด้วย ส้มตำ ข้าวเหนียว ไก่ทอด และปลาทอด


นางบุญปัน วิชัยวงศ์ อายุ 64 ปี คุณยายของพลทหาร วสันต์ ขานหัวโทน หรือ “เอสโซ่” เปิดใจทั้งน้ำตาว่า หลานชายเข้ารับราชการทหารมาได้กว่าหนึ่งปี โดยเป็นการสมัครใจเข้ารับใช้ชาติ และเดิมมีกำหนดจะปลดประจำการในเร็วๆ นี้ก่อนเกิดเหตุสูญเสียอย่างไม่คาดคิด

นางบุญปันเล่าว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 17.00 น. ลูกสาวโทรศัพท์มาแจ้งข่าวการเสียชีวิตของเอสโซ่ ทำให้ตนถึงกับทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งร้องไห้ เพราะยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียหลานชายที่รักมาก แม้จะรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด แต่ลึกๆ ก็รู้สึกภูมิใจที่หลานได้พลีชีพ เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ โดยขณะเล่าเรื่องนางบุญปันต้องปาดน้ำตาไปตลอดเวลา


นางบุญปันบอกอีกว่า เอสโซ่เป็นหลานที่ดีในสายตาของตน พ่อและแม่ของหลานแยกทางกันตั้งแต่เอสโซ่อายุเพียง 9 เดือน หลังจากนั้นตนเป็นผู้เลี้ยงดูหลานมาตลอด ส่วนแม่ของเอสโซ่ออกไปรับจ้างทำงาน หาเงินมาดูแลครอบครัว ทั้งตนและลูกชาย โดยยายไม่ได้เป็นเพียงแค่ยาย แต่ทำหน้าที่เป็นแม่ให้กับหลานด้วย

เมื่อเอสโซ่เริ่มทำงานและมีรายได้ก็จะนำเงินมาให้ยายอยู่เสมอ และเก็บเงินอีกส่วนหนึ่งไว้สร้างบ้าน ซึ่งขณะนี้บ้านยังสร้างได้เพียงโครงยังไม่แล้วเสร็จ


นางบุญปันยอมรับว่าก่อนหลานจะกลับมาพักครั้งล่าสุดไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกันมากนัก เนื่องจากตนไม่ได้อยู่บ้านในช่วงนั้น “ถ้าดวงวิญญาณของเอสโซ่รับรู้ ขอให้หลานไปดีมีสุข ชาติหน้าถ้ามีจริงก็ขอให้ได้กลับมาเป็นลูกเป็นหลานของยายอีก” นางบุญปันกล่าวทั้งน้ำตา

สำหรับกำหนดการรับร่างพลทหาร วสันต์ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะเคลื่อนย้ายมาถึงภูมิลำเนาในช่วงเย็นของวันที่ 19 ธันวาคม 2568 และจะมีการประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดในพื้นที่ต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น