แพร่ – โวยโรงงานแปรรูปไม้ผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลฯ เด่นชัย ปล่อยฝุ่นควันพิษคลุ้งทั้งตำบล-ขอให้ปรับปรุงนานนับปี ไม่เป็นผล ผู้ป่วยหนักต้องปิดบ้านหนีไปนอนเพิงพักอย่างอนาถา..กำนัน-ผญบ.- สท.สุดทน ร้องศูนย์ดำรงธรรมช่วย หลังหน่วยงานรับผิดชอบไม่สนใจจัดการปัญหา
ชาวบ้านในตำบลปงป่าหวาย อ.เด่นชัย จ.แพร่ และพื้นที่ใกล้เคียง ได้รับความเดือดร้อนทางกลิ่น ควัน เสียง ฝุ่นละออง จนส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนในรัศมีรอบๆ โรงงานแปรรูปไม้เป็นเชื้อเพลิงชีวมวลป้อนโรงงานอุตสาหกรรมมานานนับปี ซึ่งชุมชนได้เสนอให้โรงงานแก้ไขให้เวลาในการปรับปรุง แต่ผลกระทบก็ยังคงอยู่
ล่าสุดนางจันทร์เพ็ญ ลำไย กำนันตำบลปงป่าหวาย พร้อมด้วยนางมินตรา เวียงทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 นายบุญผาย กุกล้อง สมาชิกสภาเทศบาลตำบลปงป่าหวาย อ.เด่นชัย จ.แพร่ พร้อมด้วยนางนงลักษณ์ ปลาเงิน แกนนำชาวบ้าน เข้าพบ นายประจักร์ จินดาจำรูญ นายอำเภอเด่นชัย ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเด่นชัย เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2568 เพื่อเรียกร้องให้ทางราชการเข้ามาตรวจสอบโรงงานแปรรูปเศษไม้เป็นเชื้อเพลิงชีวมวลป้อนโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่หมู่ 1 บ้านต้นม่วง ต.ปงป่าหวาย อ.เด่นชัย จ.แพร่
หนังสื่อร้องศูนย์ดำรงธรรมระบุว่า ชุมชนได้ร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำชุมชนได้ให้โอกาสโรงงาน ทำการปรับปรุงลดมลภาวะที่เป็นอันตรายต่อชุมชนแล้ว แต่โรงงานไม่สามารถลดมลภาวะได้ยังคงส่งผลกระทบรุนแรงเหมือนเดิม ขอเรียกดูเอกสารการขออนุญาตตั้งโรงงาน ทางโรงงานไม่อนุญาต ซึ่งชาวบ้านชาวบ้านสงสัยว่า โรงงานนี้ตั้งถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ จึงขอให้ศูนย์ดำรงธรรมใช้อำนาจเรียกดูใบอนุญาต การสร้างโรงงานอยู่ในพื้นที่ผังเมืองที่เป็นพื้นที่เกษตรทางโรงงานจัดการสิ่งแวดล้อมหรือไม่อย่างไรหรือห้ามสร้างโรงงานประเภทนี้
ขอให้ติดตามบันทึกผลการตรวจสอบโรงงานของวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ของอุตสาหกรรมจังหวัดแพร่ว่าผลออกมาอย่างไร ขอให้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ด้านสาธารณสุข ด้านควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม มาเข้าร่วมตรวจสอบและหาทางออกแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่มีผู้ป่วยเกิดขึ้นแล้วจำนวนมากและใช้กฎหมายจัดการสุขภาวะในชุมชนโดยเร็ว
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตั้งโรงงาน พบโรงงานยังคงดำเนินการเป็นปกติ ขณะที่จุดที่ตั้งโรงงานอยู่ใกล้กับชุมชนมาก ห่างกันราว 200 เมตร มีครอบครัวกลุ่มเปราะบางอยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ 1 ต.ปงป่าหวาย เจ้าบ้านคือนายศรีวัน เพิ่มขึ้น และภรรยาคือนางอำไพ เพิ่มขึ้น ผู้สูงอายุทั้งสองคน อยู่กับลูกสาวคือนางสาวบังอร เพิ่มขึ้น วัย 46 ปี เป็นผู้พิการ(ออทิสติก) ทั้งสามคนมีอาการเจ็บคอ แซบในลำคอ หายใจลำบาก ปวดหัว มีน้ำมูกน้ำตาไหล จะย้ายหนีไปอยู่ที่อื่นก็ทำไม่ได้ เพราะอายุมากแล้ว ลูกสาวก็ยังพิการ
นางสาวอรุณี เพิ่มขึ้น อายุ 35 ปี ผู้ป่วยอีกรายหนึ่งกล่าวว่า ตนมีอาการแสบคอแสบจมูก ในคอมีแผล น้ำมูกน้ำลายจะมีเลือดปนออกมาด้วย อากาศไม่บริสุทธิ์มีกลิ่นเหม็นมาก ได้กลิ่นนานๆ ก็จะเวียนหัว คนในพื้นที่มีอาการป่วยเหมือนๆ กัน
นางอารี คะชา วัย 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 หมู่ 1 กล่าววว่าตนเป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษโรงงานจนมีอาการป่วย อยากให้ทางราชการเร่งเข้ามาแก้ไขไม่ใช่เพิกเฉยปล่อยให้ชาวบ้านรับกรรม
ขณะที่นายบุญมี เพิ่มขึ้น และนางสุกัลยา เพิ่มขึ้น สองสามีภรรยาหลังไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลยุพราชเด่นชัย พบอาการป่วยในระบบทางเดินหายใจหนัก แพทย์แนะนำให้ออกไปอยู่ในพื้นที่ที่อากาศบริสุทธิ์ก่อนที่อาการจะหนักกว่าเดิม ทั้งสองสามีภรรยา ต้องออกไปสร้างเพิงพักอยู่ในที่นาของตนเองห่างจากโรงงานออกไปราว 1 กม.เป็นความลำบากอย่างมากในขณะที่ทางราชการไม่สนใจจะเข้ามาให้การช่วยเหลือ
นางนงลักษณ์ ปลาเงิน แกนนำชาวบ้านที่ออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหา กล่าวว่า โรงงานได้มาพูดในที่ประชุมหมู่บ้านเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2565 ว่าจะมาขอตั้งโรงงานรับซื้อขี้เลื่อย ไม้ปีก และเป็นจุดพักรถบรรทุกของกิจการ แต่ต่อมาโรงงานได้เพิ่มกระบวนการมีการนำเครื่องจักรเข้ามา มีการตัดไม้ บดไม้ และ อบไม้ กลางวันและกลางคืนมีเสียงดังมากมีการอบไม้ มีทั้งเสียง กลิ่น ฝุ่นออกมา จนเกิดผลกระทบรุนแรง
ชาวบ้านได้พยายามเข้าไปพูดกับผู้ประกอบการโดยประสานงานกับเทศบาลตำบลปงป่าหวาย เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ซึ่งทางบริษัทได้ขอเวลาในการปรับปรุง 6 เดือน จะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2568 แต่พบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดใดเกิดขึ้น ชาวบ้านจึงต้องออกมาเรียกร้อง
นางมินตรา เวียงทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ปงป่าหวาย กล่าวว่า ผู้ใหญ่บ้านรับรู้ตั้งแต่ต้น บอกว่าจะขอตั้งออฟฟิศเฉยๆ และมาขอเข้าร่วมประชุมประจำเดือนในหมู่บ้าน มีชาวบ้านถามในที่ประชุมก็ได้รับคำตอบว่า มารับซื้อเศษไม้และขี้เลื่อยเป็นจุดพักรถบรรทุก ยังมีบันทึกในวาระประชุมในปี 2565 แต่ต่อมาโรงงานได้ขยายกิจการมาเป็นโรงงานอัดบดแท่ง ซึ่งในระหว่างการทำงานของโรงงานมีมลภาวะเกิดขึ้น ชาวบ้านเดือดร้อนมาก ผู้นำหมู่บ้านได้พยายามแก้ไขแต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ให้ความสนใจปัญหาของชาวบ้าน
นายบุญผาก กุกล้อง สมาชิกสภาเทศบาลตำบลปงป่าหวาย กล่าวว่า เริ่มต้นบริษัทมาประชุมกับชาวบ้านขอจัดตั้งกิจการเกี่ยวกับการรับซื้อไม้ปีก เศษไม้ส่งออกและเป็นจุดพักรถ แต่ต่อมามีการสร้างโรงงานมีเครื่องจักรแปรรูปเศษไม้ ซึ่งไม่ผ่านการประชาคมและไม่ผ่านสภาเทศบาล แต่ไม่มีหน่วยงานใดใดที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการจึงน่าสงสัยว่ากิจการแปรรูปไม้นี้จะมีอิทธิพล
นางสาวลักษณารีย์ ดวงตาดำ ผู้แทนพรรคการเมืองที่เข้ามาเกาะติดปัญหานี้ กล่าวว่า โรงงานแห่งนี้ยังตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำยมแหล่งน้ำสำคัญของเมืองแพร่ เป็นแม่น้ำสายสำคัญของภาคเหนือ อาจส่งผลกระทบในการปล่อยน้ำเสียลงในแม่น้ำแห่งนี้ด้วย ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ยังไม่มีการทำประชาพิจารณ์ โรงงานนี้ยังไม่มีใบอนุญาต (รง.4 ) อย่างแน่นอน แต่ได้เดินเครื่องจนส่งผลกระทบให้กับชุมชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งกำลังดูอยู่ว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบจะดำเนินการอย่างไร ถ้าไม่เป็นไปตามกฎหมายก็คงต้องดำเนินการในขั้นต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงงานแห่งนี้ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 รับซื้อเศษไม้และเป็นที่จอดรถบรรทุก พอปี พ.ศ. 2566 ชาวบ้านเริ่มรู้สึกว่ามีกลิ่มเหม็นจากการทำงานของเครื่องจักร และกลิ่นเหม็นของเศษไม้เน่า ปี พ.ศ. 2567 ชาวบ้านรอบๆโรงงาน เริ่มป่วยในระบบทางเดินหายใจบางรายป่วยรุนแรง
ต้นปีพ.ศ. 2568 ชาวบ้านและผู้นำเรียกร้องให้โรงงานปรับปรุงแก้ไข แต่ไม่มีผลใดใดโรงงานยังคงเดินเครื่องเป็นปกติ วันที่ 9 ตุลาคม 2568 ชาวบ้านที่ป่วยหนักต้องอพยพออกจากพื้นที่ วันที่ 15 ธันวาคม 2568 ผู้นำหมู่บ้านเข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเด่นชัย
ซึ่งชุมชนได้มีข้อทักท้วงหลายครั้งโรงงานก็รับปากว่า จะแก้ไข แต่ผลกระทบก็ไม่ได้ลดลง ล่าสุดนายอำเภอเด่นชัย ได้รับหนังสือร้องเรียนและได้สั่งการให้ปลัดอำเภอทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมทั้งเจ้าของกิจการมาชี้แจงข้อมูลต่อสาธารณะโดยเร่งด่วน


