xs
xsm
sm
md
lg

“มะเร็งท่อน้ำดี” ภัยเงียบคร่าชีวิตคนไทยอันดับ 1 ของโลก ภาคอีสานป่วยใหม่ปีละนับหมื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวขอนแก่น - สถานการณ์มะเร็งท่อน้ำดีในไทยเข้าขั้นวิกฤต ขึ้นแท่นอันดับ 1 พบผู้ป่วยสูงที่สุดในโลก ยอดผู้ป่วยรายใหม่ทั่วประเทศพุ่งสูงถึงปีละ 28,000 คน เกิน 50% เป็นคนในภาคอีสาน มีผู้ป่วยมากกว่า 10,000 รายต่อปี สาเหตุหลักเพราะค่านิยมชอบกินปลาดิบที่มีพยาธิใบไม้ตับ แม้รณรงค์ลดเลิกกินปลาดิบมาเกือบ 40 ปี แต่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบริโภคปลาดิบหรือเนื้อสัตว์ดิบๆ ได้


การรณรงค์ลด ละ เลิก บริโภคอาหารสุกๆดิบๆ โดยเฉพาะปลาดิบ เนื้อดิบ ภาครัฐทำมาต่อเนื่องหลายทศวรรษ แต่ไม่เคยได้ผล โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน ข้อพิสูจน์เชิงประจักษ์ที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ ยังมีคนจำนวนไม่น้อยกินซอยจุ๊ เนื้อสดดิบ กินปลาขาว ทำเป็นคอนเทนต์โพสต์โชว์ว่อนโซเชียลและมีผู้ติดตามกดไลก์กดแชร์อย่างแพร่หลายด้วยความรู้สึกชื่นชมด้วยซ้ำ ปมเหตุหลักที่คนอีสานยังคงกินอาหารดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบอยู่เพราะความเชื่อและวัฒนธรรมที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่นว่าอาหารดิบมีรสชาติอร่อยกว่า

ซึ่ง “ปลาเกล็ดขาวน้ำจืดดิบ” ก็เป็นหนึ่งในเมนูพิสดารยอดนิยม แต่หารู้ไม่ว่าความสดความแซ่บของปลาดิบดังกล่าวคือสารตั้งต้นของการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ


ล่าสุด รศ.ดร.วัชรินทร์ ลอยลม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) เปิดเผยข้อมูลว่า ภาคอีสานมีอัตราการเกิดโรคมะเร็งท่อน้ำดีสูงถึง 85 ต่อประชากรแสนคน สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศ (41 ต่อแสนประชากร) และสูงกว่าประเทศตะวันตกหลายสิบเท่า (1-2 ต่อแสนประชากร) ข้อมูลจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในปี 2566 ยืนยันถึงความรุนแรงของปัญหา โดยมีผู้ป่วยรายใหม่เคลมค่ารักษาสูงถึง 28,000 รายทั่วประเทศ โดยเขตสุขภาพที่มีผู้ป่วยสูงสุด 4 ใน 5 อันดับแรกอยู่ในภาคอีสาน ได้แก่ อันดับ 1 เขตสุขภาพที่ 8 อุดรธานี อันดับ 2 เขตสุขภาพที่ 7 ขอนแก่น

“70-80% ของผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีในไทย มีสาเหตุจากการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ ซึ่งมาจากการบริโภคปลาเกล็ดขาวน้ำจืดแบบดิบๆ วงจรของโรคยังคงดำเนินต่อไปผ่านการขับถ่ายไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้ไข่พยาธิปนเปื้อนในแหล่งน้ำ และกลับมาติดเชื้อในปลาและติดเชื้อสู่คนรุ่นต่อรุ่นวนไป ที่น่าเป็นห่วงทุกวันนี้พบการติดเชื้อในทุกช่วงวัย แม้กระทั่งในกลุ่มเด็กและเยาวชน” รศ.ดร.วัชรินทร์กล่าว และว่า

สิ่งที่น่าวิตกมากที่สุดคือ อัตราการรอดชีวิตที่ต่ำมากหากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยในภาคอีสานไม่มีผู้รอดชีวิตเกิน 5 ปี โดยหลังจากวินิจฉัยเพียง 6 เดือน ผู้ป่วยจะเสียชีวิตไปกว่า 76% และภายใน 1 ปี จะเสียชีวิตสูงถึง 88% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยระยะท้าย สูงถึง 600,000-700,000 บาทต่อราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศกว่า 14,000 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม หากตรวจคัดกรองและผ่าตัดได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะเพิ่มโอกาสรอดชีวิตเกิน 5 ปีได้สูงถึง 53-60%


อย่างไรก็ตาม มีรายงานเพิ่มเติมว่า แม้ปัญหาพยาธิใบไม้ตับจะยังคงมีการระบาดรุนแรง แต่หลายภาคส่วนกำลังร่วมมือกันต่อสู้กับมหันตภัยเงียบนี้ โดยมีมหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นแก่นหลักในการขับเคลื่อน พยายามหันมาปลูกฝังความรู้ในกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ ทีมวิจัยจากคณะศึกษาศาสตร์ มข. โดย รศ.ดร. สัมพันธ์ ถิ่นเวียงทอง ได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้เพื่อป้องกันโรคพยาธิใบไม้ตับฯ ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงมัธยมศึกษา มีการสร้างสรรค์สื่อที่เข้าถึงง่าย

เช่น หนังสือการ์ตูน, แอนิเมชัน, หนังสั้น, เพลง และสื่อ TikTok เพื่อสร้างความตระหนักรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในกลุ่มเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ นอกจากนี้ยังได้ขยายผลความร่วมมือไปยัง สปป.ลาว ซึ่งประสบปัญหาเดียวกัน

นอกจากนั้นยังมีทีมวิจัยจากวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มข. นำโดย ดร.ณรงค์เดช มหาศิริกุล ได้ใช้ "หมอลำ" ซึ่งเป็นวัฒนธรรมและส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของคนอีสานเป็นเครื่องมือรณรงค์ โดยร่วมมือกับศิลปินหมอลำชื่อดังและคณะหมอลำ "อีสานนครศิลป์" แต่งเพลง สอดแทรกมุกตลกและความรู้เรื่องโทษของปลาดิบและการตรวจคัดกรองเข้าไปในการแสดงสดกว่า 200 งานต่อปี พร้อมทั้งจัดบริการตรวจหาพยาธิให้แก่แฟนคลับที่หน้าเวทีอีกด้วย


รศ.ดร.วัชรินทร์ระบุเพิ่มเติมอีกว่า โจทย์ความท้าทายที่สำคัญในขณะนี้คือ อัตราการคัดกรองผู้ติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับที่ยังต่ำมาก ตลอด 12 ปีที่ผ่านมาสามารถตรวจคัดกรองประชากรกลุ่มเสี่ยงได้เพียง 1 ล้านคน ไม่ถึง 10% ของเป้าหมายที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ที่ 70-80% ซึ่งเป้าหมายของประเทศไทยในอีก 10 ปีข้างหน้าคือการลดจำนวนผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีลงให้เหลือครึ่งหนึ่ง (ประมาณ 10,000 รายต่อปี) และต้องหมดไปในที่สุด

"จริงๆ แล้วการแก้ปัญหาไม่ยากเลย เพียงแค่เราต้องตัดวงจรพยาธิให้ได้ จึงอยากเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนเร่งรณรงค์ให้ประชาชนงดบริโภคปลาดิบ และตระหนักถึงภัยร้ายนี้อย่างจริงจัง เพื่อทำให้มะเร็งท่อน้ำดีหมดไปจากแผ่นดินอีสานและประเทศไทยให้ได้" รศ.ดร.วัชรินทร์กล่าวอย่างมีความหวัง


กำลังโหลดความคิดเห็น