พิจิตร - ชาวนาพิจิตรยังระทมไม่หยุด..ราคาข้าวตกต่ำไม่พอ โรงสี-ท่าข้าวบางแห่งขาดเงินหมุน ซื้อข้าวแล้วไม่มีเงินจ่าย จนต้องพากันร้องทุกข์ศูนย์ดำรงธรรม ผู้ว่าฯ สั่งด่วนตั้งทีมเปิดข้อกฎหมายดำเนินคดี เบื้องต้นพบใบอนุญาตท่าข้าวกับพ่อค้าเป็นคนละคน แถมบางรายฉวยนโยบายชะลอขายรัฐจ่ายเพิ่ม 500 ล่อชาวนา-ยื้อจ่ายสด
กรณีชาวนาตะพานหิน จ.พิจิตร เดือดร้อนเข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรม ว่าขายข้าวให้กับท่าข้าว “เจ๊ปลา” (นามสมมติ) ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.วังหว้า อ.ตะพานหิน ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ 2568 แล้วไม่ได้เงิน บางรายได้รับการทยอยจ่ายรายละ 10,000-30,000 บาท บางรายยังไม่ได้เงินเลยก็มี พอชาวนารวมตัวจะไปแจ้งความ “เจ๊ปลา” ก็จะมาเจรจาแล้วหยอดเงินให้คราวละ 10,000-20,000 บาท จึงทำให้ชาวนาเดือดร้อน
ล่าสุด น.ส.ธนียา นัยพินิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร, นายกิติพล เวชกุล รองผู้ว่าฯ, พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล รองผู้อำนวยการ รมน.จังหวัดพิจิตร (ทหาร), นายประเสริฐ ใจสนธิ์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สนง.อัยการคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายฯ จังหวัดพิจิตร, นายสามารถ เดชบุญ เกษตรจังหวัดพิจิตร, นายจอมชัย รอดทัดทาน สหกรณ์จังหวัดพิจิตร, นายกฤษฏิ์ สิทธิยศ ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ) รักษาราชการแทนนายอำเภอตะพานหิน พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตัวแทนชาวนา ได้หารือร่วมกัน
ในที่ประชุมมีชาวนา 2 ราย ระบุว่าช่วงเช้า 12 พ.ย.ก่อนที่จะมาประชุม “เจ๊ปลา” ได้โอนเงินจ่ายค่าข้าวเปลือกให้ 2 แกนนำอีกด้วย
เบื้องต้น ผู้ว่าฯ พิจิตรจึงสั่งการให้ระดมผู้ที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมายและผู้ปฏิบัติงานจากหลายหน่วยงานรวมแล้วเกือบ 30 คน เพื่อจะบังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีอาญา-คดีแพ่งต่อ “เจ๊ปลา” และท่าข้าวที่ใช้เป็นจุดรับซื้อข้าวจากชาวนากลุ่มนี้ ซึ่งก็พบว่ามีกรรมวิธีการดำเนินการที่สลับซับซ้อนพอควร แต่ด้วยจังหวัดพิจิตรเจอขบวนการโกงชาวนามาทุกรูปแบบแล้วจึงมีโมเดลในการเอาผิดโรงสี-ท่าข้าว
โอกาสนี้ ได้มีการสอบถามว่าจากนโยบายผู้ว่าฯ พิจิตร ที่รณรงค์บอกกับชาวนาว่าวิธีแก้กลโกงโรงสี-ท่าข้าว คือต้องซื้อ-ขาย จ่ายเงินสดเท่านั้น ขอให้เปิดเผยรายชื่อ-ที่ตั้งโรงสี/ท่าข้าว แหล่งรับซื้อข้าวจากชาวนามีที่ไหนซื้อด้วยเงินสดบ้าง เพื่อสื่อมวลชนจะได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวนาได้รับรู้และนำข้าวไปขาย
ปรากฏว่าประธานชมรมโรงสีข้าวพิจิตร ตอบกลางที่ประชุมว่าถึงแม้จะเป็นโรงสีขนาดเล็ก-กลาง-ใหญ่ ก็คงต้องขอเวลา 3-5 วันในการชำระเงิน จึงกลายเป็นว่า “โรงสี-ท่าข้าว พิจิตรบางแห่งไม่สามารถซื้อข้าวจากชาวนาแล้วจ่ายเงินสดได้จริง”
อย่างไรก็ตาม นายจอมชัย รอดทัดทาน สหกรณ์จังหวัดพิจิตร ก็ออกมาชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า จุดรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาที่นำมาขายแล้วจ่ายเงินสดในช่วงนี้มีสหกรณ์ฯ เพียง 9 แห่ง คือ 1. สหกรณ์การเกษตร เมืองพิจิตร จำกัด 2. สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. จำกัด (ใช้สถานที่เอกชน) 3. ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรพิจิตร จำกัด 4. สหกรณ์การเกษตรตะพานหิน จำกัด 5. สหกรณ์การเกษตรบางมูลนาก จำกัด 6. สหกรณ์การเกษตรทับคล้อ จำกัด 7. สหกรณ์ชาวนา วชิรบารมี 8. สหกรณ์การเกษตรสามง่าม จำกัด 9. สหกรณ์ปฏิรูปที่ดินสามง่าม 1 จำกัด
ซึ่งรับซื้อข้าวจากเกษตรกรชาวนาที่ขึ้นทะเบียนการปลูกข้าวกับ สนง.เกษตรฯ โดยจ่ายเงินสด อีกทั้งสหกรณ์ทั้ง 9 แห่งนี้ ก็เข้าร่วมโครงการชะลอการขายของรัฐบาล ซึ่งชาวนาจะได้เงินเพิ่มอีก 500 บาท แต่หลังจากที่ขายแล้วจะได้เงินสดตามราคาข้าวเปลือกในท้องตลาด ส่วนเงินอีก 500 บาทต้องรออีกระยะหนึ่งถึงจะได้
สหกรณ์จังหวัดพิจิตรกล่าวเพิ่มเติมว่า จากโครงการชะลอการขายแล้วได้เงินเพิ่ม 500 บาทนี้เองจึงทำให้มีโรงสี-ท่าข้าว บางแห่งใช้เป็นข้ออ้างชาวนาว่าถ้าไม่รับเงินสดทั้งหมดตอนส่งมอบข้าวหรือรับเงินบางส่วน ก็จะได้เงินเพิ่มอีกตันละ 500 บาท ซึ่งหากชาวนาหลงเชื่อก็อาจถูกหลอกลวงได้ ดังนั้นจึงยืนยันว่าถ้าอยากขายข้าวเปลือกแล้วได้เงินสดก็มีสหกรณ์ทั้ง 9 แห่งให้เป็นทางเลือก แต่ท่าข้าวที่ซื้อขายจ่ายเงินสดก็ยังมีอีกหลายแห่ง
ทั้งนี้ หลังจากประชุมในช่วงเช้าเสร็จสิ้น ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายกิติพล เวชกุล รองผู้ว่าฯ พิจิตร และคณะ ก็ลงพื้นที่จุดรับซื้อข้าวของ หจก.ทุ่งโพธิ์พืชผล ต.ทุ่งโพธิ์ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ซึ่งเปิดรับซื้อข้าวหอมมะลิอย่างเดียวในราคาตันละ 13,000 บาท ความชื้น 15% ส่วนข้าวเกี่ยวสดความชื้นไม่เกิน 25% ก็รับซื้ออยู่ที่ตันละ 12,000 บาท โดยจ่ายเป็นเงินสดทันที


