พิจิตร – ชาวนาพิจิตรชอกช้ำซ้ำซ้อน..ข้าวอื่นราคาแค่ 5,000 ปลูกข้าวหอมมะลิ 105 หวังได้ราคาตันละ 13,000 บาท ตามรัฐชี้นำ อีกไม่กี่วันได้เกี่ยวขาย ตระเวนถามโรงสีกลับไม่มีคนซื้อ บอกถ้าไม่เป็นหนี้ ธกส.จะตัดใจไม่เกี่ยว-ปล่อยให้วัว/ควายกินแทน วันนี้ราคาโค-กระบือ ยังไปไม่ถึงกิโลฯละ 80 ตามคำประกาศรัฐมนตรีอีก
นายสุทธิฉัตร บุญมี หรือลุงสนั่น อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 9 ต.บ้านนา อ.วชิรบารมี ซึ่งปลูกข้าวหอมมะลิ 40 ไร่ รวมถึงเลี้ยงควายอีก 42 ตัว เป็นอาชีพเสริม พร้อมด้วยเพื่อนบ้านที่เป็นชาวนาด้วยกัน ร่วมกันเล่าเรื่องชีวิตที่สุดแสนจะลำเค็ญของชาวนาเมืองชาละวัน ว่าทุกวันนี้ราคาข้าวตกต่ำเป็นประวัติการ
ชาวนากลุ่มนี้ปลูกข้าวหอมมะลิ 105 รวมๆแล้วเกือบ 1 พันไร่ ขณะนี้ข้าวพร้อมจะเก็บเกี่ยวได้แล้ว ซึ่งคาดว่าประมาณวันที่ 15 พ.ย. 68 นี้ ก็จะเกี่ยวขายได้ พอไปตระเวนถามโรงสี-ท่าข้าว-สหกรณ์ ปรากฏว่ายังไม่มีที่ไหนเปิดราคาและเปิดรับซื้อ ต่างกังวลกันมากว่าเกี่ยวข้าวแล้วจะเอาข้าวหอมมะลิไปขายที่ไหน และจะได้ราคาตามข่าวบนโลกโซเชียล อย่างที่รัฐบาลประกาศกำหนดราคาข้าวหอมมะลิว่าจะได้ตันละ 13,000บาท จริงหรือไม่ ? หรือจะเป็นแค่วาทะกรรมที่ประกาศออกมาเท่านั้น
“ลุงสนั่น” กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าราคาข้าวปีนี้ต่ำสุดๆเกี่ยวขายก็ขาดทุนทันที ใจจริงถ้าไม่เป็นหนี้ ธกส. ก็ว่าจะไม่เกี่ยวขายแล้ว คิดเอาไว้ว่าเอาข้าวในนาให้ควายกินน่าจะดีกว่า แล้วขายควายแทน แต่ปรากฏว่าราคาควายตอนนี้ก็ถูกติดดินซ้ำ รัฐบาลบอกว่าราคาโค-กระบือ ประกาศว่าอยู่ที่ กก.ละ 80 บาท พอจะจับควายขายราคาที่ว่าก็ไม่มีอยู่จริง
ดังนั้นจึงขอร้องทุกข์ขอให้รัฐบาล กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ รวมถึงพาณิชย์จังหวัดพิจิตร ช่วยหาความจริงและความชัดเจนของตลาดซื้อ-ขาย ข้าวเปลือก ว่าชาวนาควรจะไปในทิศทางใด เพราะทุกวันนี้ชาวนาเหมือนคนตาบอดไม่มีทิศทางที่จะไปแล้ว
ด้านนายสมเกียรติ โสภณพงศ์พิพัฒน์ ผู้จัดการใหญ่ สหกรณ์ชาวนาวชิรบารมี จ.พิจิตร บอกว่า ราคาข้าวปีนี้ต่ำที่สุดเท่าที่เคยพบมา ที่สหกรณ์ชาวนาวชิรบารมี ขณะนี้เปิดรับซื้อข้าวขาวทั่วไปตันละ 5,000 บาท แต่ที่มีเข้ามาขายคือข้าว กข.43 ที่ บริษัท ซีพี มีพันธะสัญญาคำสั่งซื้อล่วงหน้าให้ราคาพิเศษบวกเพิ่มอีกตันละ 3,000 บาท ซึ่งรับซื้อจากสมาชิกที่ลงทะเบียนปลูกข้าว กข.43 ในโครงการประมาณ 1,500 ไร่ ส่วนข้าวหอมมะลิ 105 ช่วงนี้ไม่ได้เปิดรับซื้อเนื่องจากพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิ 105 ในแถบนี้มีไม่มากพอที่จะรับซื้อในเชิงธุรกิจ
ผู้จัดการใหญ่ สหกรณ์ชาวนาวชิรบารมี จ.พิจิตร ยังกล่าวแนะนำว่าฤดูกาลนาปรังที่จะถึงนี้ชาวนาควรงดการปลูกข้าวเพื่อลดปริมาณข้าวและสร้างกลไกให้ราคาข้าวในฤดูกาลต่อไปขยับตัวสูงขึ้น อีกทั้งก่อนที่จะทำนาควรสอบถามผู้ซื้อว่าต้องการซื้อข้าวชนิดไหน ใช้การตลาดนำการผลิต อย่าปลูกข้าวตามกระแสแห่ปลูกตามกัน เพราะถึงเวลาขายก็จะไม่ได้ราคา เพราะว่าไม่ได้ถูกใจคนซื้อนั่นเอง


