ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ภาคีอาสาจังหวัดขอนแก่นอุ่นเครื่องนัดถกทีมที่ปรึกษา หารือวางแผนกรอบการทำงาน ตั้งธงขับเคลื่อนรับมือ 2 ปัญหาใหญ่ของเมืองขอนแก่น ทั้งเรื่องน้ำท่วมที่ปัจจุบันฝนตกทีไรท่วมถนนแทบทุกสายทั่วเมือง และอีกประเด็นการหามาตรการตั้งรับสังคมสูงวัยที่มีสัดส่วนประชากรของเมืองเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
วันที่ 22 กันยายน 2568 เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุมอีสานเทอเรส โรงแรมโฆษะ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น คณะทำงานภาคีอาสาจังหวัดขอนแก่น นำโดยนางสุมาลี สุวรรณกร หัวหน้าคณะทำงานภาคีอาสาจังหวัดขอนแก่นพร้อมด้วยทีมเลขาฯ และทีมที่ปรึกษา โดยมี ดร.สมพันธ์ เตชะอธิก และผู้ทรงคุณวุฒิในการพัฒนาเมืองจากหลากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง ศูนย์วิจัยอยู่ดีมีสุข นักวิชาการด้านสุขภาพจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุบลรัตน์ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลน้ำพอง พร้อมด้วยหน่วยงานอื่นๆ รวมกว่า 20 หน่วยงาน
นัดแรกของการประชุมครั้งนี้ ในที่ประชุมได้หารือแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อกำหนดกรอบเนื้อหาในการขับเคลื่อนการทำงานในนาม "ภาคีอาสาจังหวัดขอนแก่น" ซึ่งได้รับสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ หรือ สช. โดยเป้าหมายการทำงานในปีนี้จะขับเคลื่อนใน 2 ประเด็น คือ แก้ปัญหาน้ำท่วมจังหวัดขอนแก่น และรองรับสังคมสูงวัย
ทั้งนี้ นายแพทย์ ปรีดา แต้อารักษ์ ตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กล่าวถึงการรวมตัวของการทำงานในนามภาคีอาสาจังหวัดขอนแก่น การขับเคลื่อนประเด็นปัญหาจะบรรลุเป้าหมายต้องบูรณาการทำงานร่วมกันของหน่วยงานต่างๆ ที่ทำงานพัฒนาและดูแลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ โดยต้องการฟังเสียงเล็กๆ ของประชาชนและภาคประชาสังคมเพื่อส่งเสียงเสนอความต้องการและการแก้ปัญหาให้ภาครัฐได้รับฟัง
การทำงานจะเน้นใช้พื้นที่เป็นฐานบูรณาการทุกภาคส่วน ให้ทุกคนมาร่วมทำงานด้วยกัน สร้างการพูดคุยแก้ปัญหาร่วมกันทั้งภาครัฐและท้องถิ่นจะต้องมาร่วมขับเคลื่อนและทำงานด้วย โดยเฉพาะการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันเพื่อนำเอาประสบการณ์ทำงาน ข้อมูลของทุกหน่วยงานที่ทำในประเด็นเดียวกันเอามาแบ่งปัน ถอดบทเรียนเรื่องจุดอ่อนจุดแข็งและความสำเร็จ พร้อมออกแบบการทำงานนำไปสู่การวางนโยบายของจังหวัดในการนำไปสู่การพัฒนาและแก้ปัญหาของเมืองต่อไป
นายสุรเดช ทวีแสงสุลไทย ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง แสดงความเห็นว่า การทำงานรองรับสังคมผู้สูงวัยไม่อยากให้มองว่าผู้สูงอายุเป็นภาระ แต่อยากให้มองว่าผู้สูงอายุคือสินทรัพย์ที่มีภูมิปัญญา มีองค์ความรู้ที่ยังสามารถทำงานต่อได้อยู่ ไม่ใช่คนที่รัฐหรือประชาชนทั่วไปจะต้องแบกรับและคอยให้การช่วยเหลือเท่านั้น เพราะบุคคลเหล่านี้ยังมีความรู้ความสามารถที่จะนำมาสู่การพัฒนาเมืองได้ และหากมีการประสานงานและเชิญเข้ามาร่วมทำงานจะทำให้ผู้สูงอายุเหล่านี้เป็นบุคลากรที่สำคัญในการพัฒนาเมือง
ในขณะที่นายโชคชัย คุณวาสี ประธานเครือข่าย CSR จังหวัดขอนแก่น ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการทำงานครั้งนี้ว่า การประชุมปรึกษาหารือของภาคีเครือข่ายเมื่อได้ประเด็นมาแล้วจะนำส่งให้หน่วยงานไหนทำ เพราะที่ผ่านมาทุกประเด็นทุกเรื่องที่กำลังคุยกันมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องต่างๆ อยู่แล้ว ถ้าหากภาคประชาสังคมประชุมหารือและสรุปความต้องการแล้วส่งให้ทางภาครัฐดำเนินการเกรงว่าจะเหมือนเดิมกับการทำงานที่ผ่านมา เพราะการทำงานในรูปแบบบูรณาการแบบนี้มีการทำงานมาอย่างต่อเนื่องแต่ไม่ได้นำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง เพราะรัฐไม่ค่อยรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนเท่าใดนัก
ด้าน ศ.ดร.บัวพันธ์ พรหมพักพิง จากศูนย์วิจัยอยู่ดีมีสุข มหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำงานในรูปแบบภาคีอาสา โดยระบุว่าการทำงานของภาคีอาสาอยากจะตั้งข้อสังเกตใน 4 เรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะการเกี่ยวโยงเรื่องของการแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ที่จะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานและเน้นย้ำให้คนขอนแก่นมีแรงกดดันทางสาธารณะในการที่จะแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการนำสายไฟลงใต้ดิน เรื่องของท่อระบายน้ำและการขุดคลองผ่านเมืองเพื่อระบายน้ำออก นอกจากนั้นยังเชื่อมโยงระหว่างเมืองและชนบท
“ทุกวันนี้ชนบทกำลังจะหายไปเพราะการพัฒนาทำให้เมืองขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงผู้สูงอายุคุณภาพประชากรโดยรวมมีปัญหา เนื่องจากไม่มีประชากรวัยแรงงานมาทดแทน นอกจากนั้น ภาระในการเลี้ยงดูเด็กในปัจจุบันเป็นภาระของหนุ่มสาว ภาครัฐต้องเข้ามาลดภาระการเลี้ยงดูเด็กให้ได้มากที่สุด” ศ.ดร.บัวพันธ์ระบุ และบอกอีกว่า
ส่วนเรื่องสุดท้ายคือเรื่องของการจัดการความร่วมมือ จะมีการบริหารจัดการความร่วมมือกันอย่างไรเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่คณะทำงานต้องการ เพราะการทำงานแบบนี้คือการชวนภาคีเครือข่ายที่ทำงานในเรื่องต่างๆ มาร่วมกันวางแผนและขับเคลื่อนไปด้วยกัน
ภายหลังการประชุมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนแล้ว ได้มีการกำหนดแผนในการดำเนินการ โดยจะจัดประชุมเพื่อวางกรอบการทำงานและเชิญภาคีเครือข่ายคนทำงานในการพัฒนาเมืองเข้ามาร่วมเสนอไอเดียและวางแผนการทำงานในภาคปฏิบัติ ในวันที่ 15 ตุลาคมที่จะถึงนี้ เพื่อให้ทุกองค์กรภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการออกแบบการพัฒนาโดยใช้กลไกพื้นที่กลางในนามภาคีอาสาจังหวัดขอนแก่นเป็นพื้นที่ปฏิบัติการด้านความคิดและวางแผนร่วมดำเนินการกับภาคีเครือข่ายที่ทำงานในพื้นที่