พิษณุโลก - วิจารณ์กันสนั่นคุ้งน้ำน่านแล้ว..งานแข่งเรือยาวหน้าวัดใหญ่พิด’โลก มีคนสั่งให้แพ้ กลายเป็นมวยล้มต้มคนดู ภาพเต็มตากับเสียงพากย์ระบุชัด คู่เรือยาวใหญ่พื้นบ้านชิงถ้วยพระราชทานฯ หลังเรือเทพหัสดินทร์ 31 รับถ้วยฯ พร้อมเงินไป ส่วน "เรือหลวงไพฑูรย์" อบต.วัดพริก พายแบบค้านสายตา สุดท้ายผู้คุมทีมออกโรงขอโทษ-รับมีคนจ้างให้พายแบบนี้
กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นคุ้งน้ำน่านแล้ววันนี้..สำหรับงานแข่งเรือหน้าวัดใหญ่ คู่ชิงชนะเลิศ ประเภทเรือยาวใหญ่พื้นบ้าน ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมเงินรางวัล 30,000 บาท รางวัลชนะเลิศ คือ เรือเทพหัสดินทร์ 31 ที่เข้าเส้นชัยขึ้นรับถ้วยฯ วานนี้ (21 ก.ย.) ณ เวทีริมน้ำน่าน หน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมืองพิษณุโลก
งานแข่งเรือยาวครั้งนี้เป็นความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งจังหวัดพิษณุโลก วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เทศบาลนครพิษณุโลก องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก มหาวิทยาลัยนเรศวร สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพิษณุโลก ชมรมเรือยาวจังหวัดพิษณุโลก และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 กันยายน 2568
ก่อนลงแข่ง นายจรัล ห้วยนุ้ย นายกอบต.วัดพริก เป็นประธานฯ นำชมรมเรือยาวตำบลวัดพริก และชมรมกีฬาเรือพาย ตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมเรือยาว เช่น เรือพิกุลทอง เรือพรเพชรรัตน์ เรือศรีธนญชัย เรือสิงห์บูรพาแม่สาวพลอยจันทร์ เรือหลวงไพฑูรย์ เรือเทพหัสดินทร์ 31 เรือพระยาพิษณุโลก ร่วมพิธีบวงสรวงแม่ย่านางเรือ ที่ลานวัดท่าโรงตะวันออก ต.วัดพริก อ.เมือง ตามความเชื่อดั้งเดิมที่ว่า ในเรือยาวทุกลำจะมีดวงวิญญาณของแม่ย่านางเรือสถิตอยู่ เพราะเรือทุกลำขุดมาจากต้นตะเคียนทอง แม่ย่านางเรือ คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเรือเชื่อเป็นผู้คุ้มครองเรือ และลูกเรือให้ปลอดภัย และมีชัยชนะ
ซึ่งบรรยากาศตลอดการแข่งขันเป็นไปอย่างคึกคัก เสียงเชียร์ดังสนั่นคุ้งน้ำน่านตลอดทั้งวัน จนได้ผลการแข่งขันที่สำคัญ คือ
• เรือยาวใหญ่ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ เรือเจ้าแม่ประดู่ทอง คว้าถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท และพระพุทธชินราชบูชา
• เรือยาวใหญ่พื้นบ้าน รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ เรือเทพหัสดินทร์ 31 ได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมเงินรางวัล 30,000 บาท
• เรือยาวกลาง รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ เรือเทพชยาภรณ์ ได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล 25,000 บาท
• เรือยาวเล็ก ก. รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ เรือธิดาแม่น้ำหอม ได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พร้อมเงินรางวัล 20,000 บาท
• เรือยาวเล็กภายในจังหวัด รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ เรือพรนทีเทพชโลธร ได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา พร้อมเงินรางวัล 10,000 บาท
• เรือสิงห์สองแคว 7 ฝีพาย รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ เรือ อบต.ไผ่ล้อม ได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พร้อมเงินรางวัล 8,000 บาท
• เรือจิ๋ว 12 ฝีพาย รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ เรือพรนทีเทพชโลธร ได้รับถ้วยประทานพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พร้อมเงินรางวัล 10,000 บาท
อย่างไรก็ตาม หลังเสร็จสิ้นการแข่งขัน นายขวัญทอง สอนศิริ (อ.โจ้) โพสต์ลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า..ขอไว้อาลัย เรือคู่อัปยศอดสู ที่สร้างโศกนาฏกรรม เป็นรอยด่างพร้อยไว้ในวงการเรือยาวประเพณีไทย เพราะคำว่า..เงิน และใบสั่งให้พ่ายแพ้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรือคู่แข่งขันที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวคือ เรือหลวงไพฑูรย์ กับเรือเทพหัสดินทร์ 31ซึ่งร่วมพิธีบวงสรวงแม่ย่านางเรือ ที่ลานวัดท่าโรงตะวันออกด้วย โดยเรือหลวงไพฑูรย์ส่งในนาม อบต.วัดพริก ถูกมองว่าพ่ายแพ้ไม่สมศักดิ์ศรี ค้านสายตาคนดู ส่วนเรือเทพหัสดินทร์ 31 จากตำรวจภูธรภาค 6 และ ตชด.31 พร้อมกับฝีพายชาวบ้าน ไม่รู้ว่าใครไป ตกลงอะไร ให้ใครแพ้-ชนะ ที่สำคัญ คือ ใครเป็นผู้บงการใหญ่
ทั้งๆ ที่คนในวงการเรือมั่นใจว่าฝีพาย “เรือหลวงไพฑูรย์” แกร่งกว่า น่าจะชนะ แต่กลับพ่ายแบบค้านสายตาคนดูตั้งแต่สตาร์ท หลายคนเข้าไปด่าทอในเฟซบุ๊กงานแข่งเรือหน้าวัดใหญ่
ด้วยลำหนึ่งพายในนามหน่วยงาน อีกลำหนึ่งเรือลงทะเบียน เป็นครุภัณฑ์ของ อบต. และสภา อบต.เห็นชอบงบประมาณตามแผนส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณี ในงบซ่อมเรือ งบค่าฝึกซ้อม และงบส่งทีมเรือเข้าร่วมการแข่งขัน ส่งในนาม อบต. บังควรไหม?? สั่งการให้บังเกิดความอัปยศ จะยืดอกแบบลูกผู้ชาย รับผิดชอบ ขอโทษสังคมไหม?? ตนอายุ 61 ปี อยู่ในวงการเรือยาวมา เห็นเรือคู่นี้พายกัน งงว่า มันทำไมถึงกล้าพายกันเช่นนี้รอบชิงถ้วยพระราชทาน
เรือคู่นี้พายไม่สมพระเกียรติ พายไม่สมศักดิ์ศรี ทำให้ภาพลักษณ์เมืองพิษณุโลก ถ้าเป็นวงการมวย เขาไล่ลงเวที และไม่ สมควรได้รับถ้วยพระราชทานฯ ที่เป็นของสูง เหนือเศียรเกล้าฯ และตัดลดเงินรางวัลลง
และแล้วในที่สุดหัวหน้าฝีพายเรือก็โพสต์สารภาพแล้วว่า..ตนนั่งดูอยู่หลังโฆษก เห็นภาพเรือสองลำพาย ไม่สมพระเกียรติ ไม่สมศักดิ์ศรี สลดใจ..
ขณะที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “เอก ท่าตะเคียน” โพสต์ข้อความระบุว่า..เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเที่ยวชิงชนะเลิศ ผมในนาม ผู้คุมทีมชุดเอกท่าตะเคียน (และฝีพายในเครือทั้งหมดที่ได้ลงพาย) ไม่เกี่ยวกับผู้จัดการเรือ กองเชียร์ ใดๆ ทั้งสิ้น..ผมขอโทษ ผู้ชม ผู้จ้าง ผู้จัด และสนามไว้ ณ ที่นี้ ด้วยผู้จ้างติดต่อผมมาพาย แต่ด้วยหลายเหตุผล ผมจึงต้องพายแบบนี้ (ตามคำสั่ง)..ปีนี้ ขอโทษไว้ ณ ที่นี้จริงๆ ครับ ทุกเหตุการณ์ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว