xs
xsm
sm
md
lg

นักวิชาการจี้รัฐบาลใหม่เดินหน้าปิดเหมืองเมียนมา หาแหล่งน้ำประปาใหม่ทั้งเชียงใหม่-เชียงราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงราย - นักวิชาการ-เครือข่ายภาค ปชช.ออกจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องรัฐบาลใหม่แก้ปมมลพิษข้ามพรมแดน หาแหล่งน้ำประปาลุ่มน้ำเชียงราย-เชียงใหม่ แทนน้ำกก น้ำสาย น้ำรวก น้ำโขง ตรวจสารปนเปื้อนในข้าว-ผลผลิตการเกษตรทุกชนิด เลิกนำเข้าแร่จากเมียนมา


ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์สำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และตัวแทนเครือข่ายแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง ได้มีจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศในกำหนดระยะเวลา 4 เดือนนั้น สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดนอันเกิดจากเหมืองแร่ในประเทศเมียนมาได้

โดยข้อเสนอให้ดำเนินการตลอดระยะเวลาตามอายุรัฐบาลใหม่ 4 เดือน ดังนี้
1. จัดหาแหล่งน้ำใหม่สำหรับการผลิตน้ำประปาหมู่บ้านให้ชาวบ้านใน ต.แม่นาวาง และ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เนื่องจากไม่สามารถใช้น้ำกกที่ปนเปื้อนสารพิษข้ามพรมแดนผลิตน้ำประปาหมู่บ้านได้อีก
2. ตรวจสอบคุณภาพดินริมฝั่งแม่น้ำกกเขต อ.แม่อาย เนื้อที่ประมาณ 12,000 ไร่ ว่ามีสารโลหะหนักหรือไม่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ดินตะกอนแม่น้ำกกซึ่งเคยเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2567 อีกทั้งเป็นแหล่งปลูกกระเทียม พริก ข้าวโพดหวาน และพืชผักสวนครัวที่สำคัญของประชาชน โดยเกษตรกรจะปลูกกระเทียมในฤดูกาลผลิตของปีนี้ในเดือน พ.ย.เป็นต้นไป

3. จัดหาแหล่งน้ำดิบใหม่ทดแทนแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง เพื่อการผลิตน้ำประปาป้อนผู้บริโภคอย่างน้อย 55,000 ราย ในเขต อ.เมืองเชียงราย อ.เวียงชัย อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เนื่องจากผลการตรวจน้ำประปาจากห้องปฏิบัติการพบว่ามีสารหนูและแบเรียม แม้จะยังไม่เกินค่ามาตรฐานแต่ส่งผลให้ประชาชนมีความเสี่ยงจากการสะสมในร่างกายทีละเล็กทีละน้อยอย่างต่อเนื่อง ส่วนการประปาส่วนภูมิภาคก็ต้องแบกรับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและใช้สารเคมีมากขึ้นในกระบวนการผลิตน้ำประปา


4. ตรวจสารโลหะหนักในผลผลิตข้าวนาปี 100,000 ไร่ ก่อนการเก็บเกี่ยวช่วงปลายเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ เพื่อประโยชน์ต่อทั้งอุตสาหกรรมข้าวและผู้บริโภค หากตรวจเจอสารโลหะหนักรัฐต้องห้ามการเก็บเกี่ยวและชดเชยรายได้ให้เกษตรกร หากไม่พบรัฐต้องออกเอกสารรับรองผลผลิตให้เกษตรกร เพื่อให้ขายผลผลิตได้และสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค

5. จัดตั้งศูนย์ตรวจสารโลหะหนักประจำ จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ เพื่อทำหน้าที่เฝ้าระวังตรวจสารโลหะหนักในน้ำ ตะกอนดิน ดินเพาะปลูก ผลผลิตการเกษตร ปลา สัตว์น้ำ และคน เนื่องจากทุกวันนี้ประชาชนได้รับผลการตรวจล่าช้ามากเพราะต้องส่งตัวอย่างไปตรวจที่กรุงเทพฯ

6. ปรับปรุงระบบประปาหมู่บ้านจำนวน 30 แห่ง ในเขต อ.แม่อาย อ.เมืองเชียงราย อ.เวียงชัย อ.เวียงเชียงรุ้ง อ.แม่จัน อ.ดอยหลวง อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ เพื่อให้มีขีดความสามารถกำจัดสารโลหะหนักได้
7. ยุติการนำเข้าแร่ทุกชนิดจากประเทศเมียนมาจนกว่าผู้นำเข้าจะพิสูจน์ได้ว่าแร่ที่นำเข้าจากประเทศเมียนมามิได้มาจากเหมืองแร่ที่ก่อให้เกิดมลพิษในแม่น้ำสายต่างๆ ดังกล่าว

8. ยกเลิกโครงการสร้างฝายดักตะกอนเพราะไม่ได้มีการศึกษาว่าสามารถแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักได้จริงแต่กลับจะส่งผลกระทบต่อที่ดินทำกินของชาวบ้าน ผลกระทบด้านนิเวศน์วิทยาและสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรน้ำไม่มีได้มีอำนาจหน้าที่แก้ไขปัญหามลพิษ ขาดประสบการณ์ในการดำเนินงาน

9. จัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐ วิชาการและภาคประชาชน เพื่อทำหน้าที่ 4 ข้อ ได้แก่ข้อที่ 1 หาแนวทางปิดเหมืองในประเทศเมียนมา ข้อที่ 2 สร้างมาตรการเฝ้าระวังสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำอุปโภค บริโภค ดิน สินค้าเกษตร สัตว์น้ำ และร่างกายมนุย์ ข้อที่ 3 เยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเหมืองแร่ในเมียนมา และข้อที่ 4 กำหนดแนวทางการฟื้นฟูแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง

และ 10. เปิดเวทีเจรจาอย่างเป็นทางการกับประเทศเมียนมาและจีน เพื่อเรียกร้องให้ทั้ง 2 ประเทศตระหนักว่าต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการทำเหมืองแร่จนก่อให้เกิดมลพิษที่ส่งกระทบต่อประชาชนในประเทศไทยดังกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น