เชียงใหม่ - เลขาธิการ ป.ป.ส. แถลงผลปฏิบัติการ “ตัดไฟแต่ต้นลมครั้งที่ 5" มุ่งทำลายเครือข่ายผู้ผลิตยาเสพติดนอกประเทศ บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับผู้ค้าและผู้ลำเลียงในพื้นที่ชายแดนและตอนใน ยึดของกลางยาบ้า 3.5 ล้านเม็ด ไอซ์ 60 กิโลกรัม พร้อมติดตามยึดทรัพย์รวมกว่า 27 ล้านบาท
วันนี้(26 ส.ค.68) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงผลการปฏิบัติการ "ตัดไฟแต่ต้นลมครั้งที่ 5” ตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งได้บูรณาการตั้งคณะทำงาน เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มเครือข่าย นักค้ายาเสพติดรายสำคัญ พื้นที่ชายแดนภาคเหนือตอนบน ที่เชื่อมโยงกับพื้นที่แหล่งผลิตนอกประเทศ จนนำมาสู่การจับกุมขบวนการลำเลียงยาเสพติดวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้ของกลางยาบ้า 3.5 ล้านเม็ด ไอซ์ 60 กิโลกรัม ซุกซ่อนปะปนมากับรถบรรทุกสินค้าเกษตรในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลและยึดทรัพย์เครือข่าย รวม 45 รายการ ทั้งโฉนดที่ดิน ยานพาหนะ เงินสด และทองคำรูปพรรณ รวมมูลค่า 27 ล้านบาท
ทั้งนี้เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่าเครือข่ายดังกล่าว เป็นของพันโทจะก่า ซึ่งมีแหล่งผลิตอยู่ในบ้านปูน่าไก่ รัฐฉาน ประเทศเมียนมา ด้านตรงข้ามอำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยอาศัยกองทัพมด คือจักรยานยนต์ลำเลียงยาเสพติดจากชายแดน ผ่านอำเภอฝาง อำเภอเชียงดาว อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนลักลอบนำเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ ซึ่งการปฏิบัติการ “ตัดไฟแต่ต้นลม” เป็นภารกิจมุ่งทลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือตอนบนที่เคลื่อนไหวทั้งภายในและภายนอกประเทศ สนองนโยบาลเชิงรุกในการกวาดล้างยาเสพติดทุกพื้นที่ สู่ Thailand Zero Drugs โดยการปฏิบัติรวมครั้งที่ 5 นับแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่สามารถยึด และอายัดทรัพย์สินบุคคลใน เครือข่ายพันเอกจะลอโบ และนายวีระ หมื่นจะดา ที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน รวมมูลค่ากว่า 289.1 ล้านบาท
นอกจากนี้เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ จะมีการหารือระหว่างผู้แทนหน่วยงานด้านการปรามปรามยาเสพติดของจีน เมียนมา และ ลาว ซึ่งไทยจะขอความร่วมมือส่งตัวผู้ต้องหาค้ายาเสพติดกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย เบื้องต้นมีรายชื่อนักค้ายาเสพติดที่หลบหนีในลาวประมาณ 200 คน และ หลบหนีในเมียนมาประมาณ 40 คน ซึ่งไทยจะขอให้จีนช่วยกดดันว้าให้ส่งตัวคนกลุ่มนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย