xs
xsm
sm
md
lg

(คลิป)ศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษจำคุก “ลุงพล” เป็น 26 ปี ชี้เจตนาฆ่าฯ ยกฟ้อง "ป้าแต๋น" แม่ "น้องชมพู่" พอใจความยุติธรรมมีจริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มุกดาหาร - ศาลอุทธรณ์ภาค 4 อ่านคำพิพากษาคดีฆาตกรรม “น้องชมพู่” ที่หายตัวไปจากบ้านพักภายในหมู่บ้านกกกอกเมื่อปี 2563 โดยแก้โทษสั่งจำคุก “ลุงพล” เป็น 26 ปี จากเดิม 20 ปี ความผิดเจตนาฆ่าโดยเล็งเห็นผลไว้ก่อน และพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง และประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วน "ป้าแต๋น" พิพากษายืนให้ยกฟ้อง

นางพชรมน พชรภัสรส์ ชื่อเดิม นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่
                         

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ผลการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ ภาค 4 ในคดีเด็กหญิงอรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภายในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง เมื่อปี 2563 ตัดสินออกมาแล้วโดยมีการแก้โทษสั่งจำคุกนายไชย์พล วิภา จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 26 ปี โทษฐานเจตนาฆ่าโดยเล็งเห็นผลไว้ก่อน และพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง และประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนนางสมพร หลาบโพธิ์ ภรรยานายไชย์พล ศาลพิพากษายืนให้ยกฟ้อง

โดยคดีดังกล่าวศาลอุทธรณ์ ภาค 4 นัดฟังคำพิพากษาเมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (13 ส.ค.) โดยนายไชย์พล หรือลุงพล และนางสมพร ภรรยา เดินทางมายังศาลจังหวัดมุกดาหารตั้งแต่เช้า เช่นเดียวกับ นางพชรมน พชรภัสรส์ ชื่อเดิม นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา และ นายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อและแม่น้องชมพู่ ก็เดินทางมารับฟังคำพิพากษาในเวลา ฿9.30 น.

ภายหลังได้รับทราบผลการตัดสินของศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษจำคุกนายไชย์พลอีก 6 ปี นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนสั้นๆ ว่าพอใจกับการพิจารณาตัดสินของศาลอุทธรณ์ ทุกอย่างให้ว่ากันไปตามกฎหมาย และอยากบอกให้น้องชมพู่รับรู้ว่าความยุติธรรมมีจริง

สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นได้พิพากษาสั่งจำคุกนายไชย์พล เป็นเวลา 20 ปี ในความผิด 2 ข้อหา คือ พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง และ ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย นางสมพร ศาลยกฟ้อง


นางพชรมน พชรภัสรส์ หรือชื่อเดิมคือ นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ กล่าวว่า ขอขอบคุณทนายทุกท่าน ได้ปรึกษาและให้กำลังใจบ้าง เวลาโดนกลั่นแกล้งก็คุยกันได้ ตลอดจนเรื่องดรามาต่างๆ รอบนี้น้องชมพู่ก็ได้รับความยุติธรรมอีกแล้ว เมื่อวานได้ไปหาน้องชมพู่แล้วว่าจะมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษา

ด้านนายพิสิษฐ์ ตรัยเจริญเมธากุล ทนายแม่น้องชมพู่ เปิดเผยว่า คดีน้องชมพู่เดิมทีฟ้องเป็นเจตนาฆ่า แต่ศาลชั้นต้นลงว่าประมาท 10 ปี พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี จาก 10 ปี เป็น 20 ปี ซึ่งโจทก์และโจทก์ร่วมไม่พอใจ ก็ได้อุทธรณ์ไปว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นลักษณะเจตนาฆ่าโดยเล็งเห็นผล ซึ่งทางศาลอุทธรณ์ภาค 4 ท่านก็เห็นด้วยว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 นั้นมีความผิดฐานเจตนาฆ่า และลงโทษวางโทษจำคุกไว้ 15 ปี ส่วนพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี จำนวน 10 ปี และกระทำการใดๆ เกี่ยวกับศพ อาจทำให้ศพเปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งหมด 26 ปี ซึ่งแตกต่างในข้อหาที่ศาลลง ต้องโทษที่หนักขึ้นเดิม 20 ปี เป็น 26 ปี

ส่วนชดใช้ให้โจทก์ร่วมที่ 1 จำนวน 1,350,000 บาท และโจทก์ร่วมที่ 2 จำนวน 1,200,000 บาท ส่วนมาตรา 288 ลงโทษได้ตั้งแต่ประหารชีวิต และจำคุกตลอดชีวิต จำคุกตั้งแต่ 15 ปี ถึง 20 ปี มองว่าพฤติกรรมจำเลยที่ 1 ร้ายแรงและโหดร้าย ส่วนปล่อยเด็กไว้บนภูเขาตั้งหลายชั่งโมงก่อนจะเสียชีวิต อยู่คนเดียวกลางป่ากลางเขา มองว่าพฤติกรรมของจำเลยเล็งเห็นได้ว่าเด็กย่อมทนทุกข์ทรมาน ซึ่งประเด็นนี้ก็จะฎีกาต่อไป

ทั้งนี้ นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล จำเลยที่ถูกศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่เสียชีวิต ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหารได้เสนอไปยังศาลฎีกา ซึ่งทางศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวในวงเงินเท่าไหร่ จึงต้องรอคำสั่งต่อไป


สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 เด็กหญิงอรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือน้องชมพู่ วัย 3 ขวบหายไปจากบ้านพักภายในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิตออกตามหา ต่อมาในช่วงค่ำวันที่ 14 พฤษภาคม พบเป็นศพอยู่ในสภาพเปลือยกาย อยู่บนภูเหล็กไฟ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร

จากนั้นตำรวจภูธรภาค 4 และชุดสืบสวนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ลงพื้นที่คลี่คลายคดีนานกว่า 1 ปี กระทั่งวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ตำรวจได้ออกหมายจับนายไชย์พล โดยเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการเสียชีวิตของเด็กหญิงวัย 3 ขวบ ส่วนนางสมพรก็ถูกดำเนินคดี 1 ข้อหาเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นจังหวัดมุกดาหารมีคำพิพากษาจำคุกนายไชย์พล วิภา จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความดาย (มาตรา 291)

ล่าสุดศาลอุทธรณ์ภาค 4 สั่งจำคุก 26 ปี นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล จากเดิม 20 ปี ฐานเจตนาฆ่าโดยเล็งเห็นผล พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีโดยไม่มีเหตุอันสมควร และอำพรางศพ (มาตรา 317 วรรคแรก) ลงโทษ จำคุกกระทงละ 10 ปี รวม 20 ปี และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ครอบครัวผู้ตาย ขณะที่นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต่น จำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง


กำลังโหลดความคิดเห็น