เชียงราย - “ทักษิณ” ยกโมเดลยุคไทยรักไทยแก้น้ำท่วม..จัดงบพัฒนาระบบน้ำ-ขนผลผลิตที่ได้ชำระหนี้ แทนจัดงบทำโครงการย่อย เจรจาจีนคุมปล่อยน้ำลงแม่น้ำโขง แต่เฉพาะหน้า “นายกฯ อิ๊ง” บอกพร่องน้ำภาคกลางรอรับน้ำเหนือ ไม่ให้ซ้ำรอยยุค “นายกฯ ปู” แล้ว
วันนี้ (27 ส.ค.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบิดาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ระหว่างได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนในสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ อ.เทิง จ.เชียงราย พบบ้านเรือนของชาวบ้านหายไปหลายหลัง รถก็สูญหาย และฝนก็ตกลงมามาก ก็จะไปเล่าให้รัฐบาลฟังแต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ก็คงจะรายงานไปแล้ว เพื่อจะได้เยียวยาต่อไป
สำหรับปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งเป็นเรื่องซ้ำซากเพราะเกิดขึ้นซ้ำๆ เพราะไม่ได้มีการแก้ไขปัญหา สมัยพรรคไทยรักไทยก็พยายามแก้ไขด้วยการนำเอาสินค้าเกษตรจากการพัฒนาระบบน้ำไปชำระหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้ก็ยอมรับ ซึ่งหากจะกลับมาเริ่มกันใหม่ในวันนี้ก็คงต้องใช้วิธีการตั้งงบประมาณ และคงใช้จำนวนมาก เพราะเป็นทั้งระบบและลุ่มแม่น้ำทั้งหมด
นายทักษิณกล่าวอีกว่า สำหรับแม่น้ำโขงนั้นคงต้องคุยกันเรื่องระหว่างประเทศ เพราะจีนปล่อยน้ำลงมาเยอะ จึงต้องหารือว่าทำอย่างไรจึงจะปล่อยน้ำลงมาโดยไม่ให้ล้นตลิ่ง ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งแล้วว่ากำลังหารือกันอยู่ ทั้งนี้ หนึ่งเราต้องคุยกับประเทศเพื่อนบ้านในการบริหารจัดการน้ำ สองคุยภายในประเทศของเราเพราะน้ำเหมือนรถยนต์ที่มาเร็วไม่มีเบรกก็เป็นอันตราย เบรกคือเขื่อนบ้าง อ่างเก็บน้ำบ้าง ฯลฯ
กรณี ส.ส.มีความเห็นต่างกันเรื่องแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนั้น นายทักษิณกล่าวว่า ส ส.เป็นผู้ที่มองเฉพาะพื้นที่ แต่รัฐบาลจะมองในภาพรวม และหากให้งบประมาณไปกับรายย่อยก็จะไม่มีวันจบสิ้น ล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้เล่าให้ฟังว่าได้ให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำด้วยการพร่องน้ำในภาคกลาง
เพื่อให้เขื่อนมีพื้นที่รองรับน้ำที่ไหลลงไปจากภาคเหนือได้ ไม่ให้เหมือนปี 2554 สมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนั้นรองรับไม่ทัน เพราะน้ำเต็มเขื่อนและเมื่อไหลเพิ่มลงมาจากภาคเหนือทำให้เกิดท่วมใหญ่ดังกล่าว แต่เมื่อพร่องน้ำก็จะทำให้เขื่อนต่างๆ รองรับน้ำได้ ตัวอย่างที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ก็เหลืออีก 20% ซึ่งรองรับน้ำได้อีกมาก
นายทักษิณกล่าวในตอนท้ายว่าสำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ภาคเหนือนั้นได้ทราบปัญหาหมดแล้ว เช่น จ.แพร่ พบว่าช่วงน้ำท่วมค่าไฟฟ้าแพงมากกว่าช่วงปกติเสียอีก จึงต้องดูแลเรื่องค่าไฟฟ้า ซึ่งเคยดูมาแล้วตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ดูเรื่องการประกอบอาชีพ ฯลฯ ต่อไป
