นครสวรรค์/ตาก - สาวโวยซื้อแมวสฟิงซ์จากข้าราชการสีกากีราคาร่วมหมื่นบาทแต่ได้แมวไม่ตรงปก แถมป่วย-เจอก้อนปริศนาในท้องซ้ำ พอติดต่อขอให้ซื้อคืนกลับโดนข่มขู่จนต้องขึ้นโรงพักลงบันทึกประจำวัน-โพสต์ขอความช่วยเหลือ ขณะที่เจ้าของเดิมยันแค่โมโหโดนตื๊อ แต่ไม่ซื้อคืนแน่
ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Asma Nichanan ได้โพสต์เผยแพร่เรื่องราวผ่านกลุ่มเฟซบุ๊กสาธารณะของนครสวรรค์ว่า “ข้าราชการชุดสีกากีท่านหนึ่งได้ขายแมวป่วยให้หนู แล้วไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น แถมพูดคำหยาบใส่ แล้วพูดว่า..ท้ากู้หรอเดี๋ยวมึงได้รู้จักกูแน่ ทั้งๆ ที่ไม่เคยพูดท้าอะไรเขาเลย #ขอความช่วยเหลือจากทุกคนด้วยค่ะ หนูอยากได้เงินหนูคืนแล้วอยากให้เขารีบเอาแมวกลับไปรักษา เพราะตอนนี้แมวค่อนข้างจะเป็นเยอะ แล้วเขาไม่ทำการติดต่อขอรับผิดชอบเลยแม้แต่น้อย”
สอบถามเจ้าของโพสต์ทราบชื่อคือ น.ส.ณิชานันท์ อายุ 21 ปี เล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยกันเรื่องเลี้ยงแมวสฟิงซ์กับคนสนิทคนหนึ่ง ซึ่งเขาเพิ่งได้เจ้าแมวพันธุ์นี้จากญาติที่เป็นเจ้าของให้เอามาเลี้ยง เนื่องจากญาติของเขาได้ซื้อเจ้าแมวสฟิงซ์มาเลี้ยง 2 ตัว แต่ไม่มีเวลา จึงมอบตัวหนึ่งให้กับคนสนิทของตนมาเลี้ยง ส่วนอีกตัวยังอยู่ในช่วงการเสนอขาย จึงทำให้รู้สึกสนใจ เลยให้คนสนิทไปติดต่อขอซื้อ
กระทั่ง 3 กรกฎาคม 2567 ก็ได้มีการพากันไปดูแมวตัวนั้นที่บ้านของเจ้าของ โดยมีแฟนของตน และคนสนิท เดินทางไปดูด้วยแล้วไปสะดุดถูกใจกับแมวสฟิงซ์ เพศเมียตัวนั้น อายุ 7-8 เดือน ชื่อ “หนูท่อ” จึงได้มีการพูดคุยตกลง-ต่อรองราคากัน จาก 12,000 บาท เหลือ 9,000 บาท
แต่ก่อนซื้อขาย คนสนิทได้บอกตนก่อนว่า แมวสฟิงซ์ที่เลือกมันป่วยท้องเสียนะ จะเอาแน่ใช่ไหม ซึ่งตนก็ถามเจ้าของให้แน่ใจว่ามันป่วยแค่ท้องเสียใช่หรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าใช่ เขาเลี้ยงมากับมือ ไม่มีปัญหาอะไร ตนก็มองว่าไม่เป็นไร ถ้าแค่ท้องเสียนิดหน่อยก็เอาไปให้หมอรักษาได้ จึงตกลงกัน แล้วกลับมารอรับแมวอยู่ที่บ้าน
“ตอนที่เข้าไปดู เจ้าของเขาจะอุ้มเจ้าหนูท่อไว้ตลอดเวลา ไม่ให้จับมันเลย และตอนที่ตกลงกันเรียบร้อย เขาก็รีบจับแมวใส่กรง แล้วให้กลับมารออยู่บ้าน เนื่องจากตอนนั้นฝนตกหนัก เขาจะขับรถเก๋งนำมาส่งให้”
และตอนที่เขาเอาแมวมาส่ง ก็ยังไม่ให้ตนจับ พร้อมบอกว่าแมวพันธุ์นี้มันเลือดอุ่น จะตัวอุ่นๆ หน่อยไม่ต้องตกใจ จากนั้นเขาก็เอาเจ้าหนูท่อที่อยู่ในกรงวางให้ในบ้านเอง โดยที่ตนยังไม่ได้แตะต้อง เนื่องจากจังหวะนั้นลูกร้องจึงไปเล่นกับลูกก่อน กว่าที่จะได้จับแมวตัวนี้ก็ผ่านเวลาไปกว่า 1-2 ชั่วโมง เมื่ออุ้มเจ้าหนูท่อมาอาบน้ำ คลำไปที่ท้องแล้วพบว่ามีก้อนเนื้อใหญ่ประมาณหนึ่งอยู่ในท้อง อีกทั้งยังดูมีอาการซึมๆ เหมือนป่วยไข้ และท้องเสียถ่ายเหลวมากกว่า 20 ครั้งด้วย
น.ส.ณิชานันท์กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่เจอก้อนอยู่ในท้องของแมวสฟิงซ์ จึงได้มีการสอบถามกับคนสนิท และเขาก็บอกมาแค่ว่าไม่รู้ว่ามีก้อนอยู่ในท้อง เพราะคิดว่าแค่ท้องเสียเท่านั้น จึงนำเจ้าหนูท่อไปให้สัตวแพทย์ตรวจ ก็พบว่าแมวมีไข้ และเริ่มมีอาการอ่อนแรง ส่วนก้อนเนื้อที่พบในท้อง หมอพบว่าขนาดประมาณ 2X5 เซนติเมตร แต่ยังวินิฉัยไม่ได้ว่าเป็นก้อนเนื้ออะไร ต้องส่งไปเอกซเรย์ตรวจอย่างละเอียดจึงจะทราบผล โดยหมดค่าตรวจและค่ายาในรอบนั้นไปประมาณ 500 กว่าบาท
และหากต้องการตรวจดูอย่างละเอียด รวมถึงรักษาอาการควบคู่กันไป ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกมาก เพราะแม้จะยังไม่ทราบว่าเป็นก้อนเนื้ออะไร แต่หมอได้สันนิษฐานไว้ว่าแมวตัวนี้อาจจะเป็นไส้เลื่อน และต้องผ่าตัด ที่ต้องมีค่าใช้จ่ายรวมกันนับหมื่นบาท ทำให้ตนรู้สึกเครียด เนื่องจากไม่ได้มีเงินมากมายที่จะนำมารักษาได้ถึงขนาดนั้น เลยตัดสินใจติดต่อขอคืนแมวให้เจ้าของ คืนเงิน และนำเจ้าหนูท่อให้เขากลับไปรักษาดีกว่า
“มองว่าเขาขายของไม่ตรงปก และตัวเจ้าของเขาก็พูดเองว่าแมวตัวนี้เลี้ยงมากับมือ ไม่มีอาการป่วยใดๆ เพิ่งจะมามีอาการแค่ท้องเสียเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม ต่อมาได้ขอเบอร์ติดต่อจากคนสนิท แต่เขาบอกว่าให้ไม่ได้เพราะไม่อยากมีปัญหา แต่สุดท้ายเขาก็ให้หนูติดต่อคุยกันทางเฟซบุ๊กกับเจ้าของแทน ซึ่งหนูก็ให้แฟนที่เป็นคนพม่าทักแชตติดต่อไปพูดคุยเพื่อให้เจ้าของมาซื้อเจ้าหนูท่อกลับคืนไป แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง หาเรื่องอ้างไปต่างๆ นานา หนักเข้าก็ถูกเจ้าของคนนั้นอ้างตัวว่าเป็นข้าราชการสีกากี ต่อว่าท้าทายให้ไปฟ้องศาล แถมยังขู่ถามอยากลองดีใช่หรือไม่ แล้วยังมาหาจะจับแฟนตนที่เป็นชาวพม่า โดยกล่าวหาว่าหลบหนีเข้าเมือง ทั้งที่มีบัตรประจำตัว สามารถอยู่ในไทยได้อย่างถูกกฎหมาย”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะดำเนินการอย่างไรต่อ น.ส.ณิชานันท์ได้กล่าวว่า หลังจากที่ตน และแฟนถูกข่มขู่จึงได้ไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐาน ส่วนตอนนี้ก็ต้องการจะร้องผ่านสื่อให้ช่วยเป็นสื่อกลางให้เจ้าของเดิมมาซื้อแมวของเขาคืนไป แล้วให้เขาพามันไปรักษาด้วย เนื่องจากผ่านมา 7 วันแล้ว ก้อนเนื้อที่อยู่ในท้องเจ้าหนูท่อเริ่มเพิ่มขนาดใหญ่เรื่อยๆ แถมมีน้ำเหลืองไหลออกมาด้วย เกรงว่ามันจะเป็นหนัก
ส่วนเรื่องเงินที่จะขอให้เจ้าของซื้อคืนไปนั้น ตอนแรกตนหวังไว้เต็มจำนวน 9,000 บาท แต่ตอนนี้ตนขอเพียงแค่ครึ่งเดียวพอ เนื่องจากรู้สึกสงสารเจ้าหนูท่อมาก จึงอยากให้เจ้าของรีบเอามันกลับไปรักษาอาการโดยด่วน
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้มีการติดต่อพูดคุยกับทางเจ้าของแมว ซึ่งเป็นข้าราชการประจำอยู่ชายแดนภาค จ.ตาก บอกว่า ก่อนหน้านี้ได้ซื้อแมวสฟิงซ์ เพศผู้ และเพศเมีย มาเลี้ยงไว้ที่บ้าน 1 คู่ ซึ่งก็เลี้ยงมาได้ 9 เดือน จนกระทั่งเริ่มไม่มีเวลาดูแล จึงได้ยกแมวตัวผู้ให้กับน้องชายที่เป็นญาติกันให้นำไปเลี้ยง ส่วนแมวตัวเมียที่เป็นปัญหา ก็ได้มีคนต่างจังหวัดมาติดต่อขอซื้อในราคา 12,000 บาท และได้มีการโอนเงินมาให้เป็นค่ามัดจำ 2,000 บาทเอาไว้แล้ว
แต่ปรากฏว่าจู่ๆ คู่กรณีก็ให้น้องชายมาติดต่อขอซื้อกับตน โดยเขาตื๊อมาว่าจะเอาให้ได้ แต่ก็ซื้อได้เพียงแค่ 9,000 บาทเท่านั้น ซึ่งตนก็ทนการตื๊อไม่ไหวจึงยอมขายให้ไป แถมตอนที่คู่กรณีมาดูแมวที่บ้าน เจ้าตัวก็ยังได้อุ้มได้เล่นกับมันด้วย ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร จนกระทั่งเอาแมวไปส่งให้ที่บ้านเขา และจ่ายเงินกันบริเวณหน้าบ้าน ผ่านไปประมาณนับสัปดาห์ จู่ๆ เขาก็ติดต่อกลับมา จะเอาแมวกลับมาให้แล้วขอเอาเงินคืน
ซึ่งตนไม่ซื้อคืนแน่นอน เพราะก่อนที่คู่กรณีจะเอาไปก็ให้เขาตรวจดูอย่างดีก่อนแล้ว และยืนยันได้ว่าแมวตัวที่เกิดปัญหา ไม่มีป่วยอาการอะไรเลย เป็นปกติทุกอย่าง จะมีแค่ช่วงหลังที่ตนได้ยกตัวผู้ให้กับน้องชายไปเลี้ยงจึงทำให้แมวอีกตัวเกิดอาการซึมเพราะเหงา เพื่อนคู่หูของมันได้ย้ายไปอยู่กับเจ้าของใหม่ เลยมีอาการเครียดบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไร
ส่วนเรื่องข่มขู่ฝ่ายคู่กรณีนั้น ตนยอมรับผิดและขอโทษ แต่ตอนนั้นด้วยความที่โดนรบเร้าจนรู้สึกโมโหจึงทำเพราะอยากตัดความรำคาญเท่านั้น ไม่ได้จะไปทำอะไรเป็นจริงเป็นจังแน่นอน และสุดท้าย ยังยืนยันว่าจะไม่ซื้อแมวตัวที่เป็นปัญหากลับคืน เพราะแมวมีอาการป่วยตอนที่เขาเอาไปเลี้ยงแล้วเป็นอาทิตย์ ฉะนั้น ฝ่ายคู่กรณีจะต้องรับผิดชอบแมวตัวนั้นเอง