นครสวรรค์ - ผู้ปกครองหลายท้องที่ทยอยแจ้งความเพิ่ม ดำเนินคดีครูสอนพิเศษกับแฟนหนุ่มเช่าบ้านนครสวรรค์เปิดคอร์สสอนพิเศษ ก่อนเชิดเงินหนีไร้ร่องรอย ทั้งที่สอนดีจนพ่อแม่ผู้ปกครองพอใจบอกต่อปากต่อปาก หลายคนแฉเพิ่มติดหนี้เป็นพรวน
กรณีมีกลุ่มผู้ปกครองชาวนครสวรรค์เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.หนองปลิง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เพื่อให้เอาผิดครูต้อย น.ส.ปภาวดี อดีตครูผู้ช่วยสอนภาษา ที่ร่วมมือกับนายเจน แฟนหนุ่ม เปิดรับสอนพิเศษ 4 วิชา แต่กลับเบี้ยว-ปิดสถานที่เรียน เชิดเงินหนีไม่สามารถติดต่อได้
ซึ่งคาดว่าทั้งคู่น่าจะหลบหนีหนี้ที่มีติดตัวล้นพ้น จึงทำให้กลุ่มผู้ปกครองทั้งหมด 38 รายตกเป็นผู้เสียหาย เนื่องจากแต่ละรายจ่ายเงินค่าคอร์สเรียน ทั้งแบบรายเทอม และรายปี ไปก่อนล่วงหน้ากันหมดแล้ว แต่กลับถูกครูต้อยชิ่งหนีปิดสถานที่เรียนไปแบบกลางคัน มูลค่าความเสียหายรวมกันไม่ต่ำกว่า 4 แสนบาท
นอกจากนี้ ยังมีครูอีก 2 รายถูกหลอกจ้างให้มาช่วยสอน แล้วถูกเบี้ยวจ่ายค่าจ้างตามที่ตกลงกันไว้ อีกคนละ 3 เดือน รวมค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 8 หมื่นบาทด้วย
แต่ในส่วนของการแจ้งความดำเนินคดี ตำรวจในพื้นที่กลับไม่ยอมรับแจ้งความ เนื่องจากมองว่าเป็นคดีแพ่ง และแนะนำให้นำเรื่องไปหาทนายความในการยื่นฟ้องร้องค่าเสียหายกับทางอัยการแทน แต่อัยการเห็นแย้งว่าคดีนี้เป็นคดีอาญา เข้าข่ายฉ้อโกง จึงให้กลุ่มผู้ปกครองกลับไปแจ้งความต่อตำรวจตามเดิม
ล่าสุดวันนี้ (14 พ.ค.) กลุ่มผู้ปกครองชาวนครสวรรค์อีก 3 รายเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.ดอน ก๋าคำ ร้อยเวร สภ.หนองปลิง อีกครั้ง ในการเอาผิดครูต้อย และนายเจนแฟนหนุ่ม ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ขณะที่ผู้ปกครองบางส่วนที่ซื้อคอร์สเรียนไว้ทางออนไลน์ก็เข้าแจ้งความกันยังโรงพักในพื้นที่กรุงเทพฯ แต่ยังมีผู้ปกครองอีกหลายคนที่ยังไม่มาแจ้งความกันในวันนี้ แต่ตกลงกันไว้ว่าจะรอจนกว่าถึงกำหนดวันเรียนพิเศษวันแรกก่อนจะทยอยกันมาแจ้งความอีกครั้ง
นายณัฐกุล แก่นจันทร์ อายุ 35 ปี หนึ่งในผู้ปกครองที่เดินทางมาแจ้งความในวันนี้ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวาน (13 พ.ค.) ได้มีการรวมตัวกันไปยื่นเรื่องที่สำนักงานอัยการตามคำแนะนำของตำรวจ แต่ทางอัยการเห็นว่าคดีของครูต้อยเข้าข่ายเป็นคดีอาญาในข้อหาฉ้อโกง จึงได้ทำเรื่องกลับมายังโรงพักในพื้นที่ให้เร่งดำเนินการรับทำคดี และเร่งสอบปากคำกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดรวบรวมนำมาส่งให้อัยการอีกครั้ง ทางตำรวจจึงได้ทยอยนัดหมายกลุ่มผู้ปกครองให้มาเข้าแจ้งความวันละ 3 ราย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงช่วงที่ส่งลูกไปเรียนกับครูต้อย นายณัฐกุลกล่าวว่าได้รับคำแนะนำจากน้องสาวว่าครูต้อยเขาสอนดี จึงได้ตกลงซื้อคอร์สเรียนให้ลูกเข้าไปเรียนพิเศษ ซึ่งในช่วงที่ยังไม่เกิดเหตุการณ์อะไรนั้นยอมรับว่าครูต้อยเขาสอนดีจริงๆ ขนาดลูกตนยังชม แถมลูกยังมีพัฒนาการการเรียนที่ดีขึ้นด้วย อีกทั้ง เท่าที่ได้รู้จักกับครูต้อยคนนี้เขาดูมีความใส่ใจนักเรียนทุกครั้ง จะรู้สึกได้ถึงการต้อนรับอันอบอุ่นในช่วงเวลาที่เอาลูกไปส่งเรียน
"แต่เรื่องลึกๆ ของครูต้อย และแฟนของเขาผมไม่ค่อยจะทราบเรื่องมากนักเพราะไม่ได้ไปสนิทอะไรขนาดนั้น เพียงแต่รู้สึกแปลกๆ ก่อนที่จะมาเกิดเรื่อง เมื่อจู่ๆ ครูต้อยโทรศัพท์ติดต่อมาเสนอขายคอร์สเรียนยาวแบบเร่งรีบ 3-4 วันโทร.ตื๋อที พยายามโน้มน้าวให้ซื้อ และรีบให้โอนเงินค่าซื้อคอร์สเรียนเลย เหมือนคนกำลังร้อนเงิน สุดท้ายก็ทนโดนตื๊อไม่ไหว ยอมตกลงรีบจ่ายเงินค่าซื้อคอร์สเรียนยาวไปทั้งหมด 15,000 บาท จนกระทั่งมาเกิดเรื่องที่ครูต้อยรีบชิ่งหายไปทั้งผัวทั้งเมีย
รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก แต่ก็เคยรวมตัวกันไปหาที่บ้านของครูต้อยกันมาแล้วครั้งหนึ่ง พ่อและแม่ของครูต้อยเขาก็บอกแต่เพียงว่าลูกของเขาอยู่ไม่ได้แล้ว จำเป็นต้องไป แล้วก็ขาดการติดต่อไปเลย ซึ่งผมก็อยากแนะนำให้เขาทั้งคู่อย่าคิดหนีเลยดีกว่า ขอให้มามอบตัวเพื่อรับโทษในสิ่งที่ผิดจะดีกว่า" นายณัฐกุลกล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า หลังจากมีการนำเสนอข่าวเรื่องนี้ออกไปมีผู้เข้ามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนการสอนของครูต้อยกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการชื่นชมคอร์สการเรียนการสอนว่าดีจริง พิถีพิถันในการสอนและเอาใจใส่ลูกศิษย์ดีมาก โดยเฉพาะกับนายเจนแฟนของครูต้อย ที่ให้เด็กที่มาเรียนเรียกว่าครูเจน ให้ความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ดีมาก พร้อมกับยกย่องว่าเป็นครูที่เก่งคนหนึ่งเลยทีเดียว
แต่ก็มีผู้เสียหายที่เคยถูกครูต้อยยืมเงิน ให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งว่า นายเจน หรือครูเจน มีอาชีพเป็นนักดนตรีตามผับตามบาร์เท่านั้น และเรียนไม่จบ ส่วนในเรื่องพฤติกรรมทั้งของครูต้อยและนายเจนมีปัญหาเรื่องการเงินมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว เพราะเคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย และเข้าสู่วงจรการพนัน
กระทั่งเรียนจบ ครูต้อยก็ได้มาเป็นครูผู้ช่วยสอนภาษาของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง แต่ก็ยังมีปัญหาเกี่ยวกับการใช้เงินทองอยู่ เพราะมีการเทียวไปยืมเพื่อนร่วมงาน และคนรู้จักอีกหลายคน ซึ่งก็มีบางรายที่ทำสัญญากู้เงินเป็นจำนวนหลายหมื่นบาทไว้ และก็ยังไม่ได้รับเงินคืนจนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งล่าสุดยังมีการให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวด้วยว่าครูต้อยได้ร่วมเล่นแชร์กับกลุ่มคนที่รู้จักกันกลุ่มหนึ่ง โดยมีการเร่งเปียแชร์เอาเงินไป หลังจากนั้นก็เงียบหายไปเลย จนทำให้วงแชร์ล้มไม่เป็นท่า เลียหายไปกว่าครึ่งแสนบาทเลยทีเดียว