นครสวรรค์ - พ่อแม่ผู้ปกครองชาวนครสวรรค์ส่ายหน้ากันหมด..ขึ้นโรงพักแจ้งจับครูเปิดเพจสอนพิเศษเด็ก สุดท้ายเชิดเงินหายไร้ร่องรอย แต่ ตร.ไม่รับแจ้ง อ้างเป็นคดีแพ่งให้ร้องอัยการแทน
บ่ายวันนี้ (13 พ.ค.) กลุ่มผู้ปกครองชาวเมืองนครสวรรค์กว่า 20 คนรวมตัวกันเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ดอน ก๋อคำ ร้อยเวร สภ.หนองปลิง อ.เมือง จ.นครสวรรค์
เพื่อให้ดำเนินคดีเอาผิด น.ส.ปภาวดี หรือครูต้อย อดีตครูผู้ช่วยสอนภาษาโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งของ จ.นครสวรรค์ ที่ลาออกไปแล้วเปิดเพจรับสอนพิเศษ 4 วิชา ทั้งคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และไทย ให้นักเรียนระดับชั้นประถม
แต่เมื่อผู้ปกครองมีการตกลงสมัครให้ลูกหลานไปเรียนพิเศษ และมีการจ่ายเงินทั้งหมดไปแล้ว กลับถูกชิ่งหนีหายไป ไม่สามารถติดต่อได้ทุกช่องทาง อีกทั้งสถานที่ที่เคยไปร่ำเรียนพิเศษก็ถูกปิดคืนให้เจ้าของบ้านตัวจริงไปแล้ว
นางสาวโชติกา ควบพิมาย ตัวแทนผู้ปกครองได้เปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อผู้สื่อข่าวว่า ลูกตนกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 5 และเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาตนก็ต้องการจะหาที่เรียนพิเศษให้ลูก จึงไปสอบถามคนที่รู้จักหลายคน ก็ได้รับคำแนะนำให้ลองมาดูที่เพจเฟซบุ๊กที่มี น.ส.ปภาวดี หรือครูต้อย และครูเจน ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของครูต้อยเป็นผู้เปิดสอน ร่วมกับครูสาวชาวไทย และชาวฟิลิปปินส์ ที่ถูกจ้างให้มาช่วยสอนคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ
เมื่อมีการติดต่อไปสอบถามก็รู้สึกว่าที่นี่น่าเชื่อถือดี เนื่องจากคนรู้จักที่เคยไปปรึกษาต่างก็บอกว่าได้ส่งลูกมาเรียนที่นี่แล้วมีผลการเรียนแบบก้าวกระโดดดีขึ้น จึงได้ซื้อคอร์สเรียนในช่วงเปิดเทอมทั้งคอร์ส จำนวน 4 พันบาท และช่วงที่ส่งลูกไปเรียนแรกๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เขาก็เปิดสอนปกติ โดยใช้บ้านเช่าหลังหนึ่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.หนองปลิง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เป็นสถานที่สอน
“ตอนส่งลูกไปเรียนแรกๆ ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน ครูต้อยก็ได้มาเสนอคอร์สต่อในช่วงภาคปิดเทอมในราคา 7 พันบาท ซึ่งก็เห็นว่ามันโอเค และดูคุ้มที่ได้เรียนที่นี่ เพราะได้เรียนเสริมตั้ง 4 วิชา จึงได้ตอบตกลง และโอนเงินจ่ายค่าคอร์สเรียนไป”
แต่สุดท้ายก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เนื่องจากเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา จู่ๆ ไลน์กลุ่มของครูต้อยที่ผู้ปกครองใช้ติดต่อพูดคุยกันเรื่องการเรียนของลูกเป็นประจำ ก็เด้งหายออกไป และตนก็พยายามจะติดต่อเพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่สามารถติดต่อได้ทุกช่องทาง
จนกระทั่งอีกวันที่ต้องส่งลูกไปเรียนพิเศษ เมื่อไปถึงสถานที่เรียน ก็พบว่าครูต้อย และครูเจนแฟนหนุ่มได้เลิกเช่า และส่งคืนบ้านให้เจ้าของไปหมดแล้ว ซึ่งจนถึงตอนนี้ ตนและผู้ปกครองคนอื่นๆ ที่ตกเป็นผู้เสียหาย ยังไม่ได้รับการติดต่ออะไรจากครูต้อยเลย
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงความเสียหายทั้งหมด นางสาวโชติการะบุว่า มีผู้ปกครองที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด 38 คน แต่วันนี้มีมาแจ้งความประมาณ 20 กว่าคนเท่านั้น เนื่องจากผู้ปกครองที่ยังไม่มายังติดธุระ จะมาแจ้งความในวันอื่น พร้อมกับบอกอีกว่ายังมีผู้ปกครองรายอื่นๆ ที่ลงเรียนคอร์สช่วงปิดเทอมอีกหลายคนที่ยังไม่รู้เรื่องว่าครูต้อยและครูเจนหายตัวไป เนื่องจากยังไม่ถึงกำหนดวันเรียน
ส่วนเรื่องมูลค่าความเสียหายหลักๆ เฉพาะที่มาแจ้งความวันนี้ น่าจะรวมกันไม่ต่ำกว่า 4 แสนบาท เพราะแต่ละคนได้รับความเสียหายจากการลงคอร์สเรียนกันตั้งแต่ 4 พันไปจนถึง 1.5 หมื่นบาทเลยทีเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การแจ้งความในวันนี้ นอกจากจะมีผู้ปกครองผู้เสียหายมาร่วมกันเอาผิดครูต้อยและครูเจนแล้ว ยังมีครูเค้ก (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ นามสกุลจริง) เดินทางมาแจ้งความเอาผิดครูต้อยและครูเจน อีกรายด้วย เนื่องจากเจ้าตัวก็ตกเป็นผู้เสียหาย เพราะถูกหลอกจ้างให้มาสอนพิเศษ ในอัตราค่าจ้าง 60 บาทต่อนักเรียน 1 คน เป็นเงินค่าจ้างรวมกัน 3 เดือน มากกว่า 4 หมื่นบาท แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับเงินค่าจ้างตามที่ตกลงกันไว้เลยสักบาท
แต่อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นตำรวจร้อยเวรได้แนะนำให้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้ที่โรงพัก เนื่องจากร้อยเวรมองว่าเป็นคดีแพ่ง ให้เดินทางไปที่อัยการจังหวัด เพื่อนำบันทึกไปยื่นร้องต่ออัยการให้เอาผิดอีกที
ซึ่งเรื่องนี้ผู้ปกครองแต่ละรายถึงกับส่ายหน้า เนื่องจากเคยมาแจ้งความต่อร้อยเวรอีกคน ก็ไม่ยอมรับแจ้งความ จึงทำให้ผู้ปกครองทั้งหมดเดินทางไปยืนร้องต่ออัยการตามคำแนะนำ แต่ล่าสุดอัยการได้ให้คำแนะนำระบุมาแล้วว่าคดีนี้เป็นคดีอาญา เข้าข่ายฉ้อโกง ซึ่งเป็นคดีที่ทางตำรวจจะต้องรับแจ้งความเพื่อดำเนินคดี จึงทำให้ตอบนี้ยังไม่ได้บทสรุปอะไรเป็นรูปธรรม