xs
xsm
sm
md
lg

ปิดตำนานผู้ก่อตั้งขนมหม้อแกงแม่กิมไล้ ตำนานขนมหม้อแกงเมืองเพชรบุรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพชรบุรี - เปิดประวัติผู้ก่อตั้งขนมหม้อแกงแม่กิมไล้ ตำนานขนมหม้อแกงเมืองเพชรบุรี ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ด้วยวัยชรา สิริอายุ 90 ปี

“แม่กิมไล้ บุญประเสริฐ” เป็นที่รู้จักในฐานะหญิงนักสู้ชีวิตด้วยความยากลำบาก มีความเข้มแข็ง อดทน ทำงานตรากตรำอาบเหงื่อต่างน้ำ เร่หาบและรุนรถเข็นขนมขายแถวริมฟุตปาธ และในตลาดเมืองเพชรบุรี ตั้งแต่เช้าจดค่ำ จนสามารถฟันฝ่าอุปสรรคและสามารถผ่านเส้นชัยชีวิตได้เป็นเจ้าของธุรกิจร้านขายขนมหวานพื้นเมืองและของฝาก ของที่ระลึกของเมืองเพชรบุรี ภายใต้แบรนด์ “แม่กิมไล้” ด้วยความหวานหอมของขนมหม้อแกงสูตรความอร่อยที่ลงตัวและไม่มีใครเหมือน ทำให้หลายคนติดใจจนกลายเป็นสินค้าขึ้นชื่อประจำจังหวัดเพชรบุรีมาจนถึงปัจจุบัน

แม่กิมไล้ มีชื่อสกุลเดิมว่า น.ส.ไล้ ตะบูนพงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2477 ที่ ต.บางตะบูน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เป็นบุตรสาวคนที่ 6 จากจำนวนพี่น้อง 7 คนของ นายหมู-นางแดง ตะบูนพงษ์ ในวัยเยาว์ครอบครัวของแม่กิมไล้ค่อนข้างมีฐานะ บิดามารดาประกอบอาชีพทำขนมไทยขายในชุมชนสองฟากฝั่งริมแม่น้ำปากอ่าวบางตะบูน และในงานประจำปีตามวัดต่างๆ เช่น วัดเขาตะเครา วัดปากอ่าวบางตะบูน และวัดเขายี่สาร เป็นต้น

แม่กิมไล้ เริ่มการศึกษาที่โรงเรียนวัดปากอ่าว (ญาณสาครวิทยาคาร) ต.บางตะบูนออก อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ช่วงวันหยุดจะร่วมกับ น.ส.ลั้ง ตะบูนพงษ์ หรือ “แม่กิมลั้ง” ผู้เป็นพี่สาว พายเรือนำขนมไปขายให้แก่ชาวบ้านในชุมชนสองฟากฝั่งริมแม่น้ำปากอ่าวบางตะบูน

หลังจากเรียนจบชั้น ป.4 ที่โรงเรียนวัดปากอ่าวแล้ว แม่กิมไล้ได้พบรักกับ จ.ส.ต.กลม บุญประเสริฐ ซึ่งรับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่ สภ.ต.บางตะบูน แต่มารดาไม่ชอบลูกเขยที่เป็นตำรวจยศต่ำ และได้หมายมั่นจะให้บุตรสาวแต่งงานกับชายคนหนึ่งที่มีอายุแก่กว่ากัน 22 ปี แต่แม่กิมไล้ปฏิเสธ เนื่องจากไม่ได้รักชอบผู้ชายที่มารดาเลือกให้ ประกอบกับ จ.ส.ต.กลม ได้ย้ายมาประจำอยู่ที่ สภ.อ.เมืองเพชรบุรี นางไล้จึงหนีตาม จ.ส.ต.กลม มาใช้ชีวิตด้วยกันในตัวเมืองเพชรบุรีขณะมีอายุได้ 18 ปี

หลังจากอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนคอยทำหน้าที่เลี้ยงลูกทั้ง 7 คนมาตลอด 10 ปี จนแทบไม่มีโอกาสออกจากบ้านไปไหนเลย เมื่อลูกคนแรกอายุได้ 9 ปี แม่กิมไล้เห็นว่าตนควรคิดหาอะไรทำเพื่อเป็นการช่วยเพิ่มพูนรายได้ให้แก่ครอบครัวอีกทางหนึ่ง ประกอบกับแม่กิมไล้ มีความรู้ในเรื่องการทำขนมหวานที่เรียนรู้จากมารดามาตั้งแต่เด็ก จึงตัดสินใจทำขนมขาย โดยนำเงินทุนเท่าที่มีอยู่ไปซื้ออุปกรณ์และวัตถุดิบมาทำ ทั้งขนมกล้วย ขนมเทียน ขนมตาล และข้าวต้มมัด เสร็จแล้วเดินหาบไปนั่งขายแถวริมฟุตปาธ และตามตลาดในตัวเมืองเพชรบุรี ตั้งแต่เช้าจดค่ำเป็นประจำทุกวัน

การทำขนมขายในระยะแรกยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร แต่แม่กิมไล้ ไม่ย่อท้อ ยังคงก้มหน้าก้มตาทำขนมต่อไป โดยมีลูกๆ คอยช่วยเหลือเท่าที่พอจะช่วยได้ ส่วนสามีหลังเลิกจากหน้าที่การงานจะมาช่วยตัดทางมะพร้าว ฉีกใบตอง คั้นกะทิ และช่วยห่อขนม

แม่กิมไล้ อดทนต่อสู้กับความยากจน มุ่งมั่นในการทำขนมแบบอดตาหลับขับตานอน จนเริ่มประสบผลสำเร็จ จากขนมที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ก็เริ่มเป็นที่กล่าวขานของชาวตลาดเมืองเพชรบุรี ขนมห่อที่เคยหาบเพียงเล็กน้อยก็ค่อยๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้น จากที่เคยหาบขนมขายจนหลังแอ่น ต้องเปลี่ยนมาใช้เป็นรถเข็นแทน

ต่อมา แม่กิมไล้ได้เปลี่ยนแนวคิดจากการทำขนมห่อ หันมาทำขนมหวานจำพวกทองหยิบ ฝอยทอง ลูกชุบ บ้าบิ่น สังขยา ขนมหม้อแกง โดยลองผิดลองถูกอยู่นานจนได้รสชาติของขนมที่อร่อยถูกปากลูกค้า จากนั้นได้ว่าจ้างช่างที่หน้าวัดยางต่อรถเข็นใส่ตู้กระจก เพื่อใส่ขนมหวานแล้วเข็นออกไปขายอยู่ที่หน้าวัดมหาธาตุวรวิหาร จ.เพชรบุรี

มีอยู่วันหนึ่ง พระเทพวงศาจารย์ หรือ “หลวงพ่ออินทร์” เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดยางในขณะนั้น ผ่านมาเห็นและได้ทักทายกับแม่กิมไล้ว่าจะรวยกันใหญ่แล้ว พร้อมตั้งชื่อให้ว่า “แม่กิมไล้” เป็นชื่อสิริมงคลสำหรับการค้าขายขนมหวานมาจนถึงปัจจุบัน

ขนมหวานของแม่กิมไล้เริ่มขายดิบขายดีเป็นที่โจษขานของชาวเมืองเพชรบุรี ส่งผลให้แม่กิมไล้เริ่มมีเงินมีทองเก็บ กระทั่งในปี 2515 จึงขยายกิจการเปลี่ยนจากรถเข็นไปขอเช่าพื้นที่เปิดร้านขายขนมหวานที่หน้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดเพชรบุรี ใกล้โรงค้าไม้ซุ่นเฮงหลี ในซอยข้างธนาคารออมสิน สาขาสะพานจอมเกล้า

สมัย นายเอนก พยัคฆันตร์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ในขณะนั้น ได้จัดงานกาชาด ณ สนามหน้าเขาวัง (พระนครคีรี) ภายในงานจัดให้มีการประกวดการทำขนมไทยเมืองเพชร โดยกำหนดให้ทำขนมหม้อแกงสูตรของตัวเอง ซึ่ง ครูทิม วรรณคีรี อาจารย์ใหญ่โรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ย ในขณะนั้น ได้นำ “ขนมหม้อแกงของแม่กิมไล้” ส่งเข้าประกวด เมื่อคณะกรรมการได้ชิมขนมหม้อแกงของแม่กิมไล้เห็นว่ามีรสชาติหวานมัน หอมกลมกล่อม และมีความอร่อยเป็นเอกลักษณ์ จึงตัดสินให้ขนมหม้อแกงแม่กิมไล้ได้รับรางวัล “ชนะเลิศ”

จากนั้นมาขนมหม้อแกงแม่กิมไล้เริ่มเป็นที่รู้จักของผู้คนและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นยังเคยให้ทหารมาซื้อไปลิ้มลองอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงนายสมจิตร พวงมณี ผู้กว้างขวางสมัยนั้นเคยซื้อไปฝาก พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร จอมพลถนอม กิตติขจร และจอมพลประภาส จารุเสถียร ตลอดจนนายปิยะ อังกินันทน์ ซื้อไปฝาก พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นายกรัฐมนตรีอยู่เป็นประจำอีกด้วย ทำให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายยิ่งขึ้น

ต่อมาในปี 2517 แม่กิมไล้ เห็นว่าธุรกิจการทำขนมหวานเริ่มเจริญเติบโตเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายจึงไปซื้อตึกแถวอาคารวัชรเสวีของ นายแพทย์อภิชัย สิริอักษร ที่หน้าเขาวัง ฝั่งตรงข้ามกับร้านขนมเพชรปิ่นแก้ว เปิดเป็นร้านขายของฝากเป็นแห่งแรก ก่อนขยายไปเปิดที่ฝั่งตรงข้ามอีก 1 ร้าน จนธุรกิจเริ่มเจริญรุ่งเรือง มีลูกค้าและนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก และเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวให้สามารถเลือกซื้อของฝากได้สะดวกและถูกใจ แม่กิมไล้จึงได้ขยายสาขาเพิ่มอีก 4 สาขา ประกอบด้วย สาขา ต.หัวสะพาน อ.เมืองเพชรบุรี สาขา ต.เขาทโมน อ.บ้านลาด สาขา ต.ท่ายาง และสาขา ต.ไร่ส้ม รวม 5 สาขา โดยมีลูกหลานร่วมด้วยช่วยกันบริหารจนกิจการรุ่งเรืองมาถึงปัจจุบันนี้






กำลังโหลดความคิดเห็น