xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านราชบุรีโวยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขนย้ายถังสารเคมีออกจากพื้นที่ให้หมด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ราชบุรี- ชาวบ้านราชบุรีโวยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขนย้ายถังสารเคมีจากโรงงานรีไซเคิลกากขยะอุตสาหกรรม หลังเกิดไฟไหม้เมื่อปี 65 ออกจากพื้นที่ให้หมด ชาวบ้านได้รับผลกระทบมาอย่างยาวนาน โดยไม่ได้รับการเหลียวแล หลายคนต้องหมดอาชีพเกษตรกรรม เพราะน้ำไม่สามารถนำมาใช้ เพราะมีสารพิษปนเปื้อน

จากกรณีที่มีโรงงานรีไซเคิลกากขยะอุตสาหกรรม บริษัท แวกกาเบจ รีไซเคิล เซนเตอร์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ ม.8 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เกิดเพลิงไหม้อย่างหนักเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2565 ที่ผ่านมา ส่งผลให้กากขยะอุตสาหกรรมภายในโรงงานรั่วไหลลงสู่ใต้ดิน และไหลลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ส่งผลกระทบให้ประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าโรงงานแห่งนี้ใบอนุญาตหมดอายุ ทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมไม่ได้มีการต่อใบอนุญาตให้

เนื่องจากโรงงานแห่งนี้ถูกชาวบ้านร้องเรียนว่าสร้างผลกระทบมากว่า 20 ปีแล้ว จึงได้ทำการว่าจ้างบริษัทเอกชนมาขนย้ายกากขยะอุตสาหกรรมที่อยู่ภายในโรงงานออกไปกำจัดที่อื่น ตามมาตรฐานโรงงาน โดยตั้งงบประมาณไว้ 59 ล้านบาท และจะต้องทำการขนกากขยะอุตสาหกรรมออกให้หมดก่อนวันที่ 29 มี.ค.67 ซึ่งเป็นวันหมดสัญญา พร้อมทั้งทำการคืนพื้นที่ให้ทางโรงงานเพื่อดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ต่อไป

ล่าสุด วันนี้ (29 มี.ค.) นางจินดา เตชะศรินทร์ ผอ.กองกฎหมาย กรมโรงงานอุตสาหกรรม รับหน้าที่กรรมการตรวจรับงาน พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่จากบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์กรีน จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมตรวจสอบและสำรวจหลังจากได้มีการดำเนินงานมาแล้วจนถึงวันนี้ โดยจะเข้าไปทำการสำรวจด้านในซึ่งทางโรงงานไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าว โดยในวันนี้เป็นวันสุดท้ายของสัญญาในการขนกากขยะอุตสาหกรรมออกไปกำจัดทิ้ง จากทั้งหมด 22 อาคาร ที่มีกากขยะอุสาหกรรม

นางจินดา กล่าวว่า วันนี้เป็นวันครบสัญญาในการดำเนินการนำของเสียไปกำจัดจึงได้มาทำการสำรวจและประเมิน เดิมทีแล้วขอบเขตงานอยู่ที่กว่า 12,000 หลัง จากดำเนินการไป ยังมีของเสียที่เหลืออยู่ จึงได้มาดูว่าเหลือเท่าไหร่ก็จะตรวจโดยละเอียด ถ่ายภาพ และประเมินซ้ำอีกรอบ ซึ่งกรมโรงงานจะมีการดำเนินงานในเฟสที่ 2 คือจะทำการเคลียร์ที่เหลือ อาจจะต้องมีการขุดสำรวจว่ามีสารฝังอยู่ใต้ดินแค่ไหนและปริมาณเท่าไหร่ ขณะนี้เราได้ของบไว้เผื่อในปีงบประมาณ 2568 แต่ในปี 2567 ได้ของบไว้ 60 ล้านบาท ได้มา 69 ล้าน ส่วนที่เหลือ 9 ล้านนำไปใช้ดำเนินการในจังหวัดอยุธยา ที่มีปัญหาในลักษณะเดียวกัน ในปี 68 ได้ขอไว้ 90 ล้าน ยังไม่รู้ว่าจะได้เท่าไหร่ ซึ่งมีพื้นที่ที่มีการลักลอบทิ้งจะต้องไปดำเนินการด้วย

จากกระแสที่มีว่ากากขยะอุตสาหกรรมที่เหลืออยู่มีจำนวนมากนั้น วันนี้จะต้องไปดำเนินการสำรวจก่อนว่าเหลือเท่าไหร่ ส่วนความพอใจของผู้รับเหมาที่เข้ามาดำเนินการ จากที่ดูเมื่อ 2 เดือนที่แล้วจากภาพเดิมที่มีสารเคมีอยู่เต็มอาคาร วันนี้ดูสะอาดขึ้น และเป็นที่พอใจว่ามีการจัดการของเสียที่อาจจะปนเปื้อนลงสู่ดินได้ ไปบำบัดกำจัดให้ถูกต้อง แต่ด้วยวงเงินที่ได้รับก็จำกัดอยู่แค่นี้ จากทั้งหมด 22 อาคารตอนนี้ดำเนินการไปทั้งหมดแล้ว แต่บางอาคารจะเหลืออยู่บางส่วนที่ได้ประมาณการเอาไว้

ในวันนี้จะมาประเมินต่อ ส่วนเรื่องน้ำใต้ดิน จากวันที่ได้ประชุมกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ลงมาตรวจและมอนิเตอร์อย่างต่อเนื่อง และได้แจ้งว่าผลวิเคราะห์นั้นมีค่าต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเดิมทีงบกลางที่วางแผนไว้ 90 ล้านบาท มีส่วนหนึ่งของกรมโรงงาน 60 ล้าน และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล 30 ล้าน และกระทรวงสาธารณสุข หลังจากที่ตรวจแล้วว่ามีการปนเปื้อนในน้ำลดลง งบประมาณที่ได้จะลดลงตาม อย่างไรก็ตาม เป็นแนวโน้มที่ดีซึ่งทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ออกมายืนยันว่าค่าการปนเปื้อนลดระดับลง

ด้านนายธนู งามยิ่งยวด ประธานเครือข่ายคนรักษ์ต้นน้ำจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า เท่าที่รู้จากการชี้แจงในที่ประชุมว่าขนสารเคมีไปได้ 12,000 ตัน โดยใช้งบประมาณ 59 ล้านบาท ตาม TOR ที่กำหนด และวันนี้ได้มีเจ้าหน้าที่จากกรมโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามาตรวจสอบพื้นที่ และน่าจะเป็นการคืนพื้นที่ให้โรงงาน เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้าย จากเดิมแจ้งว่ามี 12,000 ตัน แต่วันนี้นี้มาบอกว่าเหลืออยู่อีก 15,000 ตัน แสดงว่ามีการประเมินผิดพลาดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ส่วนที่เหลือจะต้องใช้เงินอีกเท่าไหร่ ขณะนี้นยังไม่รู้ว่าจะดำเนินการเมื่อไหร่ ซึ่งคำพิพากษาจากศาลให้ฟื้นฟูภายใน 60 วัน

ต่อไปนี้ถ้าหมดเวลาจากที่ศาลตัดสินไปแล้ว ถ้ายังไม่มีอะไรคืบหน้า ชาวบ้านและตัวแทนชาวบ้านจะทำอย่างไรต่อ ขณะนี้ใต้ดินมีสารปนเปื้อนอยู่อีกเยอะ น้ำจะเสียต่อหรือไม่ ถ้ายังไม่ได้เอาออกผลกระทบจะอยู่อย่างนี้ตลอดไป เพราะอย่าลืมว่ามีการฝังกลบตั้งแต่ พ.ศ.2544 ตอนนี้ตนได้รับผลกระทบมากกว่าคนอื่น เพราะอยู่ติดกับโรงงาน และประกอบอาชีพเกษตรกรจำเป็นที่จะต้องใช้น้ำ จากวันแรกจนถึงวันนี้ที่ภาครัฐเข้ามาทำงานตนรู้สึกไม่พอใจในการทำงาน เพราะยังทำกินไม่ได้ ส่วนเรื่องการเมือง ตนคิดว่าน่าจะใช่เพราะมีพรรคการเมืองหนึ่งเข้ามา และงานนี้มันเดินเร็วขึ้น แต่หวังว่ามีพรรคการเมืองที่เข้ามาเป็นผลดีกับชาวบ้าน ตนเองต่อสู้มาตั้งแต่อายุ 45 ปี จนถึงตอนนี้ 68 ปี เป็นเวลากว่า 23 ปีที่ต่อสู้เรื่องนี้มา

ทั้งโดนลอบทำร้าย ลอบยิง ตนเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่า ถ้าไปหางบกลางมาได้เวลาจะแก้ไขปัญหาตรงจุดใหญ่นั้นถูกต้อง แต่อีกส่วนหนึ่งควรกลับมาหาประชาชนด้วยว่าเขาทำมาหากินได้ไหม ตนมีอาชีพเกษตรกรใช้น้ำตรงนี้ไม่ได้ตนก็ไม่มีรายได้ พยายามพูดหลายครั้งไม่มีใครฟัง สถานการณ์น้ำตอนนี้ไม่ได้ดีขึ้น และจะแพร่กระจายออกไปอีกต่อเนื่อง ส่วนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบที่อยู่รอบห้วย ทุกวันนี้ยังไม่ได้รับการเยียวยาอะไร นอกจากนี้มีการไปคุยว่าจะทำให้เป็นราชบุรีโมเดล อยากถามว่าโมเดลตรงไหน










กำลังโหลดความคิดเห็น