ออนไลน์ - กมธ.ปปง.เชิญตำรวจ ปปง. ถกคดีพนันออนไลน์ "มินนี่" กลายเป็นไฟลามทุ่ง แนะ ปปง.เดินหน้าใช้กฎหมายฟอกเงินตรวจสอบผู้ค้าทองหากไม่ได้รายงานธุรกรรมทางการเงินตามกฎหมายซื้อขายทองกับ "บิ๊กโจ๊ก"
วันนี้ (13 มี.ค.) ห้องประชุมกรรมาธิการ N 407 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด (กมธ.ปปง.) สภาผู้แทนราษฎร นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ รองประธาน กมธ.ปปง. พร้อมคณะ กมธ.ปปง. ที่ปรึกษาและเลขานุการฯประชุมพิจารณาติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อเครือข่ายเว็บไซต์การพนันออนไลน์ของ น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี หรือ น.ส.สุชานันท์ กุลวัฒนโยธิน หรือมินนี่ กับพวก ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นคดีดังที่ประชาชนให้ความสนใจ
การพิจารณาได้เชิญสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งได้ส่งผู้แทนมาจำนวน 4 คน ได้แก่ นายสุวิจักขณ์ ธรรชัยพจน์ ผอ.กองคดี 1 นายสุทธิศักดิ์ สุมน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฎหมาย และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งผู้แทนมา 3 คน ได้แก่ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.อ.รชตโชค ลีวาณิชคุณ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 เข้าชี้แจงความคืบหน้าในคดี เกี่ยวข้องในเรื่องความผิดมูลฐาน ที่กำลังทำการสอบสวนติดตามดำเนินคดี
ทั้งนี้ ผู้ชี้แจงได้อธิบายถึงความเชื่อมโยง เส้นทางการเงิน รวมไปถึงความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ในการดำเนินคดีทั้งหมดที่ยังจะเดินหน้าเอาผิดตามกฎหมายเพราะคดีนี้ ปปง.ระบุว่า ไม่มีอายุความและสามารถดำเนินการยึดทรัพย์ได้ตลอดเมื่อมีหลักฐานปรากฏชัด
นายสุทธิศักดิ์ สุมน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฎหมาย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กล่าวว่า คดีนี้ “ปปง.” ได้สั่งการให้ดำเนินการสอบสวนให้ถึงที่สุด กรณีนี้หลังจาก ปปง.ได้รับทราบเรื่องจาก สน.ทุ่งมหาเมฆ มีการประสานเพื่อรายงานเรื่องความผิดมูลฐาน มีการรายงานมายัง ปปง.ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2566 แนวทางการสืบสวนสอบสวนทางคดี “ปปง.” มีหน้าที่ตรวจสอบเพื่อรายงานว่าเป็นมูลฐานความผิดหรือไม่ ต่อมา เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2566 คณะกรรมการธุรกรรมมีการมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ทำการยึดและอายัดทรัพย์สินทันที เบื้องต้นที่เป็นความผิดมีจำนวน 255 รายการ ผู้ถูกกล่าวหามีทั้งพลเรือน และข้าราชการ
เมื่อยึดอายัดทรัพย์สินเรียบร้อย ปปง.ได้ยื่นเรื่องไปยังพนักงานอัยการยึดทรัพย์เพื่อตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 41 ล้านบาท วงแรกดำเนินการไป และจะมีวงสอง วงสาม จะทำการยึดไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางการเงินเพราะคดีนี้ไม่มีอายุความ อีกทั้งกรณีนี้ผู้กระทำความผิดเป็นข้าราชการ มีการวางแผนเป็นระบบที่เรียกว่า แผนประทุษกรรม เป็นบุคคลที่มีความรู้ จึงเป็นเรื่องยากในการยึดทรัพย์ จึงต้องสอบสวนเพื่อให้มีความเชื่อมโยง
พ.ต.อ.รชตโชค ลีวาณิชคุณ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาบางส่วนคดีเก่ากรณี ”มินนี่“ พนักงานอัยการ ได้มีคำสั่งฟ้องไปแล้ว ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจทั้ง 8 นายรวมถึงนายตำรวจใหญ่ ป.ป.ช.ได้รับเรื่องไว้พิจารณาเอง
“การดำเนินคดีใหม่ พนักงานสอบสวน ดำเนินคดีในส่วนการใช้ประโยชน์จากเงิน เพราะเงินที่ได้มาผิดกฎหมาย รวมถึงเป็นเงินประโยชน์ส่วนตัว เงินรักษาพยาบาล เงินงานศพ โดยเส้นทางเงินมีการโอนออกจากบัญชีม้า 5-6 บัญชี ขณะนี้ได้นำหลักฐานทั้งหมดไปส่งศาล และศาลเห็นหลักฐานทั้งหมดพบว่ามีเส้นเงินจำนวนมาก ศาลมีมติ ไม่เอกฉันท์ แต่ให้ออกหมายจับและหมายเรียกรวม 5 คน ที่รวมไปถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ซึ่งยืนยันว่าศาลไม่ยกคำร้อง
โดยให้เหตุผลว่า น่าเชื่อว่ามีเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน จึงให้ออกหมายจับผู้ต้องหาที่ 2-5 ที่มีตำรวจ 3 พลเรือน 1 ส่วนผู้ต้องหาที่ 1 เป็นนายตำรวจใหญ่ศาลให้ออกหมายเรียก”
ด้าน พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษาประธาน กมธ.ปปง. กล่าวว่า สิ่งที่ต้องให้ข้อสังเกตต่อ ปปง.ตามระเบียบที่ได้รับการรายงานธุรกรรมมีการยึดอายัดทรัพย์ไปแล้ว มองว่าการสืบสวนทางการเงินได้พบความผิดปกติมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ไปถึงใครหรือไม่ หรือมีการประสานส่งข้อมูลแผนผังให้กับพนักงานสอบสวนหรือไม่ รวมถึงข้อสังเกตต่อพนักงานสอบสวน “ตำรวจ” ได้รับข้อมูลจาก ปปง.หรือไม่ ถ้าได้รับข้อมูล ปปง.ได้ทำการสืบสวนต่อหรือไม่
“ในประเด็นเมื่อมีการพูดคุยตามข่าวเรื่องของทองในกรณีนี้ต้องฝาก ปปง.ในเรื่องของทอง ผู้ประกอบการค้าทองตามระเบียบทั่วไป ผู้ค้าทองจะต้องมีการรายงานธุรกรรมทางการเงิน เนื่องจากเป็นการซื้อทองมากกว่าสองล้านบาท เพราะเชื่อว่าผู้ค้าทองจะต้องมีการส่งรายงานทางการเงิน"
ขอให้ ปปง.ได้ใช้กฎหมายฟองเงินเข้าไปขอคำชี้แจงว่าผู้ค้าทองมีการรายงานหรือไม่ เพราะเป็นเหตุอันสงสัย ประเด็นสำคัญมีกรณีศึกษาเกี่ยวกับการซื้อทองมีสองวิธี ในอดีตตนเคยทำคดีลักษณะนี้ มี ข้าราชการผู้ใหญ่มีการซื้อทองไปสองร้อยกิโลกรัม จนมีคดีขึ้นศาลและศาลตัดสินจำคุก เพราะสอบสวนพบว่าการซื้อทองจะมาในรูปแบบซื้อทองเป็นตั๋วฝากไว้ที่เป็นหลักฐานสำคัญ
ดังนั้น ต้องการให้ ปปง.ได้มีการสอบลึกหรือไม่ ว่าได้ใช้กฎหมายฟองเงินทำการสืบสวนถึงกรณีนี้หรือไม่ แล้วถ้าผู้ค้าไม่ได้รายงาน ได้มีการดำเนินคดีต่อผู้ค้าทองหรือไม่” พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวในที่สุด
ด้าน นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ป.กมธ.ปปง. กล่าวขอบคุณตัวแทนตำรวจ-ปปง. ขอให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะภาพลักษณ์ขององค์กรไม่ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เงินสีเทาไม่ดีไปอยู่ไหนก็ไม่ได้ ขอบคุณที่ให้ข้อมูล การติดตามคงจะมีเรื่องการขายทองปริศนา ที่จะต้องตรวจสอบต่อไปในการประชุมครั้งต่อไป