xs
xsm
sm
md
lg

จบด้วยดี! ธนาคารยอมเยียวยาลุงบุรีรัมย์ถูกถอนเงินปริศนา แม้พิสูจน์ไม่ได้เหตุภาพวงจรปิดหมดอายุการบันทึก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บุรีรัมย์– จบด้วยดี ธนาคารยอมเยียวยา ลุงชาวปะคำ จ.บุรีรัมย์ กรณีเงินที่ลูกสาวโอนให้ถูกถอนปริศนาทุกเดือนผ่านบัตร ATM หายร่วมแสนบาท แม้พิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นคนถอน เพราะไม่มีหลักฐานกล้องวงจรปิดเหตุผู้เสียหายมาแจ้งตำรวจหลังภาพกล้องวงจรปิดหมดอายุระยะเวลาการบันทึก ผู้เสียหายไม่ติดใจขอยุติไม่ดำเนินเรื่องต่อ ผกก.สภ.ปะคำ เตือนปชช.เจอกรณีลักษณะนี้ควรรีบแจ้งก่อนภาพวงจรปิดหมดอายุตรวจสอบ

วันนี้ ( 9 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.อัมพาพร พลนางรอง อายุ 32 ปี ชาว ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ได้นำหลักฐานสลิปการโอนเงินให้กับ นายเลื่อน พลนางรอง อายุ 60 ปี ผู้เป็นพ่อเดือนละ 3,000 - 10,000 บาท ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อจี้ให้ทางธนาคาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังจากที่พ่อบอกกับลูกสาวว่าเงินที่โอนมาให้ถูกถอนออกอย่างเป็นปริศนานานนับปี โดยไม่รู้ว่าใครเป็นคนถอนออกรวมเป็นเงินที่หายไปกว่าแสนบาท ทั้งที่พ่อยืนยันว่าใช้บัตร ATM ไปกดถอนที่ตู้มาใช้จ่ายแค่เดือนละ 3,000 บาท


แต่เมื่อไปสอบถามกับทางธนาคารกแจ้งว่ามีการเบิกถอนเงินผ่านบัตร ATM แต่พอขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ตู้ ATM ที่ถูกถอนเงินออก ทางธนาคารบอกว่าเจ้าของบัญชีต้องไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน แล้วนำใบแจ้งความกลับมาส่งให้ทางธนาคาร เพื่อจะส่งเรื่องไปยังสำนักงานใหญ่ในการอนุมัติตรวจสอบกล้องวงจรปิด ซึ่ง น.ส.อัมพาพร ทำตามที่ทางธนาคารแนะนำ โดยได้ไปแจ้งความที่ สภ.ปะคำ ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุที่พ่อไปกดเงิน ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2566 จากนั้นนำใบแจ้งความกลับไปส่งให้ธนาคารที่ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ที่พ่อทำบัตร ATM เรียบร้อยแล้ว ผ่านไปเกือบ 8 เดือนแล้วยังไม่มีความคืบหน้า ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น


ล่าสุดตัวแทนธนาคารสำนักงานใหญ่ และตัวแทนธนาคารสาขาอำเภอเสิงสาง จ.นครราชสีมา ได้เดินทางมาที่ สภ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ เพื่อพูดคุยชี้แจงกับเจ้าของบัญชีที่แจ้งความว่าเงินที่ลูกสาวโอนให้ถูกถอนหายไปปริศนา โดยการพูดคุยกันในครั้งนี้ได้มีตัวแทนธนาคาร ผู้เสียหาย รวมถึง พ.ต.อ.ชิษณุพงษ์ เถียรกิตติพงศ์ ผกก.สภ.ปะคำ และ นายวันชนะ ปฐมศิริ อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิ์และช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมรับฟังและเจรจาไกล่เกลี่ยด้วย

โดยได้ใช้เวลาในการพูดคุยชี้แจงนานกว่า 2 ชั่วโมง ไม่อนุญาตให้สื่อเข้าร่วมรับฟัง แต่หลังจากพูดคุยเสร็จทางธนาคารยอมจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้เสียหายจำนวนหนึ่งตามความเหมาะสม ในฐานะที่เป็นลูกค้าธนาคาร เนื่องจากวงจรปิดที่เป็นหลักฐานสำคัญที่จะสามารถยืนยันได้ว่าใครเป็นคนกดเงิน ได้หมดอายุตามระยะเวลาการบันทึกภาพของแต่ละรอบแล้ว เนื่องจากสามารถบันทึกภาพได้ 60 วันแล้วก็จะเวียนทับอัตโนมัติ ถึงแม้ตามข้อมูลในระบบเอกสารที่นำมาชี้แจงจะยืนยันว่าเลขรหัสบัตรที่ถอนเป็นเลขเดียวกัน แต่ทางผู้เสียหายก็ยืนยันว่าไม่ได้ถอน


อย่างไรก็ตามหลังมีการชี้แจงและพูดคุยทำความเข้าใจ ทั้งนายเลื่อน เจ้าของบัญชี และ น.ส.อำภาพร ลูกสาว ก็ยอมรับการเยียวยาจากทางธนาคาร และจะไม่เดินเรื่องหรือดำเนินการอะไรต่อ เพราะไม่ภาพวงจรปิดที่เป็นหลักฐานจะพิสูจน์ว่าใครเป็นคนถอน แต่อยากฝากเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่เจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ควรจะรีบแจ้งธนาคาร และแจ้งตำรวจ ดำเนินการตรวจสอบโดยเร็ว

ด้าน พ.ต.อ.ชิษณุพงษ์ เถียรกิตติพงศ์ ผกก.สภ.ปะคำ กล่าวว่า หลังจากที่ทางธนาคารมาชี้แจงรายละเอียดต่างๆ กับทางผู้เสียหาย ซึ่งทางตำรวจและอัยการคุ้มครองสิทธิฯ ก็มาร่วมรับฟังด้วย ได้ข้อสรุปว่าทางธนาคารยอมเยียวยาให้กับเจ้าของบัญชีซึ่งเป็นลูกค้า เพราะผู้เสียหายมาแจ้งตำรวจหลังที่กล้องวงจรปิดหมดอายุหรือเวียนทับไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถดูได้ว่าเป็นใครที่ไปกดถอนเงิน ซึ่งทางผู้เสียหายก็พอใจในการชี้แจงของทางธนาคาร


ส่วนที่ทางธนาคารส่งเอกสารไปผิด สภ.นั้น ชี้แจงว่าเป็นความผิดพลาด แต่เอกสารที่ส่งไปผิดโรงพักก็เป็นแค่การแจ้งว่าวงจรปิดหมดอายุไปแล้วไม่สามารถดูเท่านั้น ไม่ได้เป็นหลักฐานอะไร หลังจากทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ทางตำรวจก็ไม่ต้องดำเนินการอะไรต่อ เพราะผู้เสียหายเองไม่ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ แต่เป็นการแจ้งเพื่อขอเอกสารส่งให้ทางธนาคารเพื่อทำเรื่องขอดูกล้องวงจรปิดเท่านั้น อย่างไรก็ตามหาใครเจอกรณีลักษณะนี้อยากให้รีบแจ้งทางธนาคารหรือตำรวจโดยเร็ว เพราะวงจรปิดที่เป็นหลักฐานสำคัญจะบันทึกภาพได้ 60 วันก่อนจะมีการเวียนทันอัตโนมัติ




กำลังโหลดความคิดเห็น