ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - สั่งปิดชั่วคราว 7 วัน โรงงานพลาสติกรีไซเคิล โคราช หลังตรวจสอบพบประกอบกิจการโรงงานไม่ได้มาตรฐานอื้อ ทั้งระบบบำบัดน้ำเสีย การจัดเก็บขยะและระบบควบคุมควันพิษจากการหลอมพลาสติก ตรวจพบปล่อยควันพิษ 3 ก๊าซอันตรายกระทบต่อสุขภาพชาวบ้าน ลั่นหากแก้ไขไม่ได้เจอสั่งปิดถาวร เผยสร้างปัญหาเดือดร้อนมาหลายปี ทั้งกลิ่นเน่าเหม็น ควันพิษ น้ำเสียและขยะปลิวว่อนในชุมชน
วันนี้ (17 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลโพธิ์กลาง ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา พ.ต.อ.สมบัติ มาลัย ผกก.3 บก.ปทส. ได้เป็นประธานการประชุมชี้แจงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีที่มีชาวบ้านร้องเรียนเรื่องผลกระทบจากการประกอบกิจการของโรงงานแชมป์ พลาสติก รีไซเคิล ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 456 หมู่ 3 บ้านหนองพลวงน้อย ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา หลังจากที่กลุ่มชาวบ้านได้มีการยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมาเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 67 ที่ผ่านมา โดยกลุ่มชาวบ้านได้ร้องเรียนไปแล้วหลายครั้ง
ครั้งล่าสุดที่มีการร้องเรียนและมีหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบนั้นเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 67 ที่ผ่านมา จึงได้มีการสั่งปิดโรงงานเป็นการชั่วคราวเพื่อปรับปรุงโรงงานให้มีมาตรฐานไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ทั้งระบบบำบัดน้ำเสียและระบบควบคุมควันพิษที่เกิดจากการหลอมพลาสติก ตรวจพบสารอันตรายต่อสุขภาพของชาวบ้าน 3 ชนิด คือ ก๊าซ Phosphine (ฟอสฟีน), ก๊าซ Furan (ฟิวแรน) และก๊าซ Phosgene (ฟอสจีน) ซึ่งหากประชาชนได้รับสารเหล่านี้เข้าร่างกายก็จะมีอาการเจ็บป่วย หากได้รับเป็นระยะเวลานานๆ อาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิต
นอกจากนี้ การประกอบกิจการของโรงงานยังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบเอกสารสิทธิการเข้าทำกินในพื้นที่ แต่กลับพบว่าโรงงานดังกล่าวยังประกอบกิจการเรื่อยมาและยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของชาวบ้านทั้งปัญหาเรื่องกลิ่นและควันพิษที่เกิดจากการหลอมพลาสติก, ปัญหาน้ำเสีย และปัญหาขยะที่ปลิวว่อนอยู่ภายในชุมชน
จึงทำให้วันนี้ทางศูนย์ดำรงธรรมได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่อีกครั้งเพื่อตรวจสอบการดำเนินกิจการของโรงงานแชมป์พลาสติก รีไซเคิล
ภายหลังจากการประชุมได้มีการลงพื้นที่ไปยังโรงงานแชมป์พลาสติก ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 456 หมู่ 3 บ้านหนองพลวงน้อย ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อเข้าตรวจสอบการดำเนินกิจการ พบว่ามีปัญหาในการดำเนินกิจการหลายอย่าง เช่น ระบบบำบัดน้ำเสียที่เคยมีการรับปากว่าจะแก้ไขแต่กลับพบว่าการก่อสร้างปรับปรุงก็ยังคงไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงปัญหาการจัดเก็บขยะก็ไม่ผ่านมาตรฐานโดยพบว่ามีขยะจำนวนมากกองอยู่ภายในโรงงานพร้อมกับส่งกลิ่นเหม็นอยู่ตลอดเวลา และปัญหาที่สำคัญที่สุดที่ชาวบ้านร้องเรียนคือปัญหาควันพิษที่เกิดจากการหลอมพลาสติกก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข
นอกจากนี้ สิทธิในการเข้าทำกินก็ยังไม่ได้รับการชี้แจงจากเจ้าของกิจการเข้ามาใช้สิทธิอะไรในการประกอบกิจการในพื้นที่ ซึ่งพื้นที่ตั้งโรงงานนั้นกำลังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบว่าเป็นที่ของป่าไม้หรือที่ดินของทาง ส.ป.ก. แต่อย่างไรก็ตามทาง ส.ป.ก.เองได้มีการออกหนังสือให้ทางเจ้าของกิจการชี้แจงแต่ทางเจ้าของกิจการได้มีการขอเลื่อนการชี้แจงสิทธิ์ในการเข้าประกอบกิจการซึ่งจะครบกำหนดขอเลื่อนในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้
พ.ต.อ.สมบัติ มาลัย ผกก.3 บก.ปทส. ได้กล่าวภายหลังจากการตรวจสอบว่า การดำเนินกิจการของโรงงานแห่งนี้ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานหลายอย่าง โดยในเบื้องต้นได้มีการขอความร่วมมือให้ทางเจ้าของกิจการได้ปิดกิจการชั่วคราว 7 วัน เพื่อปรับปรุงแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของชาวบ้านในพื้นที่ โดยให้ทางเทศบาลตำบลโพธิ์กลางคอยกำกับดูแลหากพบมีการฝ่าฝืนประกอบกิจการให้ทางเทศบาลฟ้องในข้อหาขัดคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งเป็นคดีความทางอาญา
สำหรับในส่วนของการตรวจสอบสิทธิในการเข้าประกอบกิจการในพื้นที่ดังกล่าวนั้นคงต้องรอคำชี้แจงของทางเจ้าของกิจการ และขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารของที่ดินที่ตั้งโรงงานว่าเป็นที่ดินแบบไหน และถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าการเข้าประกอบกิจการนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายก็จะดำเนินการฟ้องร้องให้ปิดกิจการถาวร
ทางด้าน นายกิติพงศ์ พงศ์สุรเวท นายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์กลาง กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ตนเชื่อว่าขั้นตอนในการตรวจสอบต่างๆ จะมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเนื่องจากหน่วยงานที่รับผิดชอบมีความคืบหน้าในเรื่องของการตรวจสอบ ซึ่งหลังจากนี้ทางเทศบาลต้องคอยกำกับการดำเนินกิจการของโรงงานเพื่อไม่ให้ฝ่าฝืนหรือละเมิดข้อตกลงในการปิดกิจการเพื่อปรับปรุงแก้ไข หากพบว่ามีการฝ่าฝืนก็จะดำเนินการตามกฎหมายทันที
หลังจากการตรวจสอบเสร็จแล้วชาวบ้านในพื้นที่ที่มารวมตัวกันหน้าโรงงานต่างรู้สึกดีใจที่อย่างน้อยก็มีการสั่งปิดโรงงานถึงแม้จะเป็นแค่เพียงการปิดชั่วคราว 7 วัน
นางคอน เมฆา อายุ 79 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ที่มีบ้านอยู่ตรงข้ามกับโรงงาน บอกว่า ตนได้มีโอกาสเข้าไปในโรงงานพร้อมกับเจ้าหน้าที่จึงทำให้เห็นสภาพภายในโรงงานแล้วทั้งสกปรกและมีกลิ่นเหม็นจนทำให้ตนอาเจียน ซึ่งชาวบ้านต้องทนอยู่กับสภาพแวดล้อมอย่างนี้มาเป็นเวลานาน จนมาถึงวันนี้ที่เจ้าหน้าที่ลงมาตรวจสอบและได้มีการสั่งปิดกิจการชั่วคราวตนรู้สึกยินดีและดีใจเป็นอย่างมาก ได้แต่หวังว่าทางเจ้าหน้าที่จะสามารถสั่งปิดโรงงานแห่งนี้ได้อย่างถาวรเพื่อสุขภาพของชาวบ้านในพื้นที่