เอเจนซีส์ - เนสท์เล่ประกาศแผนวันพุธ (18 ต.ค.) เตรียมสั่งปิดโรงงานผลิตนมผงทารกสูตรโภชนาการไวเอท (Wyeth Nutrition infant formula) ในไอร์แลนด์ อ้างเหตุประชากรจีนลดต่ำอย่างน่าตกใจจากกว่า 18 ล้านคนต่อปีในปี 2016 มาถึงต่ำกว่า 9 ล้านคนในปีนี้
CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานวันนี้ (19 ต.ค.) ว่า กลายเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ปัญหาจำนวนประชากรจีนตกลงส่งผลกระทบจนถึงขั้นผู้ผลิตนมผงเลี้ยงทารกของโลก เช่น บริษัทเนสท์เล่ ถึงขั้นต้องประกาศปิดโรงงาน
สื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า ปัญหาด้านประชากรที่กำลังเป็นที่ปวดหัวของรัฐบาลปักกิ่ง ซึ่งปัจจุบันจีนกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาประชากรที่กำลังสูงอายุเริ่มมีผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และบรรดานักวางแผนทางนโยบายจีนกำลังวิตกไปถึงการลดลงของแรงงานอาจคุกคามต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมจีนในระยะยาว
เนสท์เล่กล่าวผ่านแถลงการณ์มีใจความว่า “จำนวนทารกแรกคลอดในจีนนั้นลดลงอย่างหนักจากราว 18 ล้านคนต่อปีในปี 2016 มาอยู่ที่แค่น้อยกว่า 9 ล้านคนต่อปีที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2023”
และเสริมต่อว่า “ตลาดที่ก่อนหน้าเคยพึ่งพาต่อผลิตภัณฑ์นมผงทารกนำเข้านั้นกำลังเห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของผลิตภัณฑ์ภายในประเทศแทน”
ศูนย์การพัฒนาและการวิจัยเนสท์เล่ภายในโรงงานจะปิดตัวลงเร็วกว่ากำหนด 1 ปี และอีกทั้งงานจากทั้ง 2 แห่งจะถูกย้ายไปที่โรงงานต่างๆ ทั้งในจีนและสวิตเซอร์แลนด์
แผนการปิดโรงงานผลิตนมผงทารกสูตรโภชนาการไวเอท (Wyeth Nutrition infant formula) ในเมืองแอสคีตัน (Askeaton) ไอร์แลนด์ ภายในไตรมาสแรกของปี 2026 เว้นแต่ว่าจะหาผู้ซื้อได้
ทั้งนี้ โรงงานแห่งนี้ทำการผลิตนมผงทารกเพื่อส่งตลาดในเอเชียเป็นการเฉพาะ
และการปิดตัวของโรงงานนมผงทารกในไอร์แลนด์ส่งผลทำให้พนักงานร่วม 542 คนได้รับผลกระทบ โดยทางเนสท์เล่เปิดเผยว่าจะเริ่มต้นกระบวนการปรึกษากับพนักงาน และในเวลาเดียวกันกับที่ทางบริษัทจะดำเนินการหาผู้ซื้อ
สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า ยอดการขายเนสท์เล่ทั่วโลกได้รับผลกระทบในปีนี้เนื่องมาจากราคาที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์ รวมถึงเนสกาแฟและช็อกโกแลต คิตแคท
และในอีกแถลงการณ์ที่แยกต่างห่าง บริษัทเนสท์เล่ที่มีฐานอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์กล่าวว่า ทางบริษัทสั่งปิดโรงงานในอิสราเอลเพื่อความปลอดภัย แต่ทว่าในเวลานี้โรงงานกลับมาเปิดและดำเนินการตามปกติอีกครั้ง