ศูนย์ข่าวขอนแก่น -"สำนักงาน ป.ป.ช.เตรียมจัดทีมลงพื้นที่ตรวจสอบการตั้งตลาดนัดบนถนนสาธารณะ ภายหลังมีชาวบ้านร้องเรียนผ่านนายกเทศมนตรีตำบลให้เข้าตรวจสอบเพราะได้รับความเดือดร้อนต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ขณะที่ทางเทศบาลตำบลได้ออกประกาศห้ามจำหน่ายสินค้าบนทางสาธารณะกลับเพิกเฉยฝ่าฝืน
วันนี้ (16 ม.ค.) ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น นายจักรพงศ์ เพ็ชรแสน นายกเทศมนตรีตำบลบ้านค้อ เข้ายื่นหนังสือต่อ ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น กรณีชาวบ้านร้องเรียนมายังเทศบาลตำบลบ้านค้อ ว่าได้รับความเดือดร้อนเรื่องการตั้งตลาดนัดบนทางสาธารณะ ที่บ้านหนองปอ ต.บ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนทั้งการจราจร การตั้งแผงปิดทางเข้า-ออกบริเวณหน้าบ้าน ไม่สามารถนำรถเข้าบ้านได้ ต้องรอจนกว่าตลาดจะเลิกขาย คือเวลาประมาณ 21.00 น.
อีกทั้งมีขยะและสิ่งปฏิกูล มีกลิ่นควันที่เกิดจากการก่อไฟปิ้งย่างอาหารจำหน่ายเข้ามาภายในบริเวณบ้าน ตลาดดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ วันพุธ และวันศุกร์ จึงขอให้ทางเทศบาลเร่งตรวจสอบแก้ไขโดยเร่งด่วน
นายจักรพงศ์ เพ็ชรแสน นายกเทศมนตรีตำบลบ้านค้อ กล่าวว่า จากการร้องเรียนของชาวบ้านเรื่องการจัดตั้งตลาดบนทางสาธารณะ จนทำให้ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อนนั้น ทางเทศบาลได้ลงพื้นที่ และเก็บข้อมูลจนพบว่าตลาดดังกล่าวก่อนหน้านี้เคยเปิดเป็นตลาดของชุมชนที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่จัดสรรให้ แต่พบว่าเมื่อ 8-9 ปีก่อนตลาดเริ่มใหญ่ขึ้น ทำให้มีการขยายออกมาบนถนนสาธารณะ อีกทั้งมีข้อมูลว่ามีผู้ประกอบการกลุ่มหนึ่งได้รับผลประโยชน์มีการเก็บเงินแผงร้านค้าที่ตั้งอยู่บนถนนสาธารณะ ทางเทศบาลจึงดำเนินการตามขั้นตอน
กระทั่งถึงขั้นตอนของการออกประกาศ ติดป้ายห้ามจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ บริเวณถนนสามแยกบ้านหนองปอ หมู่ที่ 2 ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 10,000 บาท ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560
โดยเทศบาลบ้านค้อได้จัดสถานที่ผ่อนปรนเพื่อให้ร้านค้าทั้งหมดย้ายจากทางสาธารณะ ตามที่ชาวบ้านร้องเรียนไปอยู่บริเวณด้านข้างเทศบาลฯ ห่างจากจุดเดิมประมาณ 500 เมตร โดยทางเทศบาลพร้อมอำนวยความสะดวก ทั้งเรื่องน้ำ ไฟ และการจัดเก็บขยะให้ แต่ปรากฏว่ามีผู้ที่มีตำแหน่งใหญ่ในหมู่บ้านรายหนึ่งได้สั่งการว่าสามารถขายได้ไม่ผิดระเบียบ ทำให้ร้านค้าได้ฝ่าฝืนคำสั่งที่ปิดประกาศไว้ ฝ่าฝืนมาตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 เรื่อยมาโดยไม่สนป้ายคำสั่ง จึงได้เกิดการประชุมหารือกัน กับทางผู้ค้า แต่ทางผู้ค้าก็ยังยืนยันว่าจะค้าขายบนทางสาธารณะ
นอกจากนี้ยังมีคลิปหลักฐานยืนยันว่ามีการจัดเก็บรายได้ ถึงแม้จะบอกว่านำเงินไปใช้ประโยชน์ในหมู่บ้านก็ตาม จะไม่ย้ายไปยังจุดที่เทศบาลฯ ผ่อนปรนจัดหาให้แทน จึงได้นำหนังสือมายื่นต่อศูนย์ดำรงธรรม เพื่อผ่านไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และเตรียมยื่นไปยัง ป.ป.ช.เพื่อให้ลงตรวจสอบตลาดดังกล่าวด้วย เนื่องจากมีการฝ่าฝืนคำสั่งของเทศบาลฯ มาตั้งแต่ต้นปี
หลังจากนั้น นายจักรพงศ์ได้เข้ายื่นหนังสือต่อสำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดขอนแก่น ให้เข้าตรวจสอบการจัดตลาดนัดในพื้นที่ ซึ่งทางนายธีรัตน์ บางเพ็ชร ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและบูรณาการการมีส่วนร่วมต้านทุจริต รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดขอนแก่น รับเรื่องร้องเรียนและเตรียมเข้าตรวจสอบพื้นที่
นายธีรัตน์กล่าวว่า ตามที่นายกเทศมนตรีตำบลบ้านค้อได้เข้าร้องเรียนถือเป็นการดูแลสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกันในเขตรับผิดชอบ รวมถึงผู้ใหญ่บ้าน กำนัน มีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือนายอำเภอที่จะต้องดูแลประโยชน์ กรณีดังกล่าว เมื่อมีการร้องเรียนแล้ว เบื้องต้นสำนักงาน ป.ป.ช.จะลงไปดูพื้นที่เกิดเหตุว่าเป็นไปตามที่ร้องเรียนหรือไม่ มีการบุกรุก หรือตั้งอยู่ในพื้นที่สาธารณะหรือไม่ ประกอบกับเอกสารพยานหลักฐานที่ได้รับจากทางเทศบาล กรณีที่ขอตั้งตลาด ทางเทศบาลเป็นผู้มีอำนาจที่จะออกใบอนุญาต
และอีกส่วนหนึ่ง จะได้ทำหนังสือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะการขออนุญาตใช้ที่สาธารณประโยชน์เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ฉะนั้น ทางเทศบาลฯ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ไม่มีอำนาจอนุญาตใช้ที่สาธารณประโยชน์โดยตรง ตามระเบียบกฎหมาย ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน มีหน้าที่ดูแล รักษา ถ้าหากพบการกระทำความผิด ท่านต้องมีหน้าที่ต้องไปแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เทศบาล หรือนายอำเภอ ให้มาดำเนินการ แต่เมื่อท่านเห็นแล้ว ท่านกลับละเว้น นั่นหมายความว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อเอื้อประโยชน์ให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยทุจริต
แต่กรณีที่เข้าไปมีส่วนได้เสียด้วย ก็ผิดมาตรา 157 อีกวรรคหนึ่งโดยทุจริต หากมีการได้รับเงินจากผู้ประกอบการหรือกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่จัดเก็บจากกิจการตลาดแห่งนี้ นำมาส่งให้ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ตรงนี้จะเป็นผู้ประกอบการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำผิดตามมาตรา 157