"ชลน่าน" ยันเปิดผับตี 4 พื้นที่โซนนิ่ง ต้องคุ้มครองทั้งคนดื่ม-ประชาชน ลดอันตรายสุขภาพ ต้องบังคับใช้ กม.ห้ามขายให้คนเมา อาจต้องออกกฎกระทรวง บังคับร้านตรวจวัดแอลกอฮอล์ หากเกินปริมาณยังจำหน่ายเอาผิดร้าน รวมถึงหากเกินต้องห้ามขับรถ ร้านจัดรถคอยรับส่ง ขออย่าเทียบภาพทำงานกับยุค "อนุทิน"
เมื่อวันที่ 10 พ.ย. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกลุ่มเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหยื่อเมาแล้วขับ เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการเปิดผับถึงตี 4 ขยายเวลาการดื่ม และทวงถามจุดยืนของ รมว.สธ. ต่อเรื่องนี้ ว่า สธ.มีมิติในการดูแลสุขภาพประชาชน ส่วนนโยบายของรัฐบาลจะต้องสร้างความสมดุลระหว่างมิติเศรษฐกิจและสุขภาพ หมายความว่า หากมีนโยบายส่งเสริมด้านเศรษฐกิจ แต่ต้องไม่กระทบต่อมิติด้านสุขภาพ คุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนต้องไม่ด้อยลงไป ต้องได้รับความคุ้มครอง สธ.ก็จะทำหน้าที่ดูแลสุขภาพชีวิตของประชาชนอย่างดีที่สุด ซึ่งในพื้นที่โซนนิ่งที่จะเปิดสถานบริการถึงตี 4 จะมีมาตรการรองรับตามบทบัญญัติกฎหมายที่เราถือครองอยู่ เพราะการอนุญาตให้สถานบริการเปิดได้ถึงตี 4 หมายความว่า จะสามารถจำหน่ายแอลกอฮอลได้ถึงตี 4 ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย โดยเฉพาะการคุ้มครองผู้บริโภคแอลกอฮอล์และประชาชน จะต้องไม่ให้ได้รับอันตรายจากเรื่องนี้
"ที่เราพบมากที่สุด คือ เรื่องอุบัติเหตุทางถนน ต้องรองรับเรื่องนี้ ความก้าวหน้าที่เร็วที่สุดตอนนี้ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ. ในฐานะประธานที่รับผิดชอบ จะร่วมกับคณะกรรมการ สรุปข้อเสนอไปยังรัฐบาล อย่างไรก็ตาม หากจะขยายเวลาเปิดถึงตี 4 นักท่องเที่ยวต้องปลอดภัย จะมีมาตรการอะไรมารองรับ เช่น นักดื่มทุกคนต้องได้รับการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ก่อนกลับบ้าน ร้านก็ต้องตรวจวัดให้ลูกค้า หากเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ที่ต้องระวังคือการขับรถ ต้องมีข้อห้ามว่าไม่ให้ขับรถ ร้านอาจต้องจัดบริการรถสาธารณะมาคอยรับส่งลูกค้า" นพ.ชลน่านกล่าว
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ส่วนมาตรการกำหนดเรื่องการดูแลในขณะที่ลูกค้าดื่มในร้าน ต้องไปดูในข้อกฎหมายว่า เรามีอำนาจให้เจ้าของร้านกำหนด เช่น ลูกค้ามึนเมาแล้วทางร้านจะสามารถตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้หรือไม่ หรืองดจำหน่ายแอลกอฮอล์ให้แก่ผู้ที่มึนเมา ซึ่งต้องไปดูข้อกฎหมายว่ามีอำนาจได้ถึงขนาดนี้หรือไม่ เพื่อนำมาสู่มาตรการที่จะเสนอต่อรัฐบาลที่อาจจะมีมากกว่านี้ฃ
ถามว่า พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ระบุห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์ให้แก่ผู้ที่อยู่ในภาวะมึนเมาครองสติไม่ได้ จะสามารถควบคุมได้จริงหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า หากมีบทบัญญัติระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นอำนาจของ สธ. เราก็สามารถบังคับใช้กฎหมาย เพราะเมื่อมีข้อห้ามมาแล้วก็ต้องมีโทษ ฉะนั้น เราอาจต้องออกกฎกระทรวงโดยระบุว่า หากมีอาการมึนเมา ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ว่าเกินที่กำหนดหรือไม่ เพื่อขยายต่อไปว่าห้ามจำหน่ายให้กับผู้ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินที่กำหนด ถ้าฝ่าฝืนทางร้านก็จะผิดกฎหมาย
เมื่อถามว่ากลุ่มที่มายื่นหนังสือเมื่อวานนี้ มีการเปรียบเทียบกับตอน นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็น รมว.สธ. ที่มีจุดยืนคัดค้านชัดเจน แต่พอไปอยู่กระทรวงมหาดไทยก็มีอีกบทบาทหนึ่ง จึงมีการสนับสนุนนโยบายนี้ กลุ่มผู้เรียกร้องจึงอยากให้ นพ.ชลน่าน เดินหน้าคัดค้านอย่างเต็มที่เหมือนนายอนุทิน นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในมิติของการทำหน้าที่ในแต่ละจุด แต่ละแห่งอาจจะมีบทบาทต่างกันไป ขอความกรุณาอย่าได้เอาภาพการทำงานเดิมๆ มาเปรียบเทียบ ท่านต้องทำตามนโยบาย ถ้าท่านนายกฯ มีนโยบายสร้างเศรษฐกิจ เช่น ขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงตี 4 แต่เราในมิติสุขภาพก็ต้องมาดูว่าจะไม่กระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทั้ง 2 เรื่องนี้สามารถทำคู่กันไปได้ มาตรการที่เข้าไปกำกับอย่างครอบคลุม น่าจะเป็นมาตรการที่ดีกว่า