ฉะเชิงเทรา - ชาวนาเมืองแปดริ้วครวญเดือดร้อนหนัก นายทุนใหญ่กว้านซื้อที่ดินผืนเช่าทำกินนานกว่า 30 ปี จนถูกฟ้องขับไล่จากพื้นที่ ซ้ำต้องจ่ายค่าเสียหายถึง 4 ล้านบาท วอนนักกฎหมายยื่นมือช่วย
วันนี้ (15 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายพงศธร พิมพ์ชื่น อายุ 60 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา ว่า กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการถูกนายทุนฟ้องแพ่งขับไล่ให้ออกจากที่ดินที่เคยทำกินนานกว่า 30 ปี เนื่องจากเจ้าของที่ดินที่ให้ตนเองเช่าทำนาข้าวและบ่อเลี้ยงปลาในเนื้อที่รวม 50 ไร่ ได้ขายที่ดินให้กลุ่มนายทุนใหญ่ที่เข้ามากว้านซื้อที่ดินรวมเป็นแปลงใหญ่ขนาด 1,400 ไร่ ตั้งแต่ปี 2556 แต่ตนยังคงทำนาและเลี้ยงปลาอยู่ในที่ดินแปลงเดิม
กระทั่งนายทุนรายใหม่ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง เพื่อเรียกค่าเสียหายจากตนเองในข้อหาบุกรุกและขับไล่ให้ออกจากที่ดิน โดยคิดเป็นเงินค่าเสียหายแบบเหมารวมทั้งแปลง 1,400 ไร่ พร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 23 ล้านบาท
“นายทุนใหม่ที่เข้ามาซื้อที่ดินบอกกับศาลแพ่งว่า เขาได้รับความเสียหายจากการที่เราไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่เนื่องจากไม่สามารถเข้าทำประโยชน์เป็นหมู่บ้านจัดสรร และเป็นที่ตั้งโรงงานอุตสาหกรรม ไซโล และสนามกอล์ฟตามที่ได้เตรียมการไว้ได้ โดยระบุว่าแปลงที่ดินที่ทำนาอยู่ เป็นจุดก่อสร้างสนามกอล์ฟหลุมที่ 18”
นายพงศธร ยังบอกอีกว่าขณะนี้ตนได้ต่อสู้ตามกฎหมาย พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คชก.) เนื่องจากอาชีพเกษตรกรรมมีกฎหมายคุ้มครองว่า หากเช่าทำนาในที่ดินมาครบ 1 ปี เจ้าของที่ดินจะให้เลิกทำต้องบอกกล่าวภายใน 5 ปี โดยที่ชาวนาจะยังคงมีสิทธิที่จะทำนาต่อไปได้อีก 5 ปี
“แต่ต่อมาเมื่อปี 2561 ศาลแพ่งได้มีคำตัดสินให้ต้องจ่ายเงินชดใช้ค่าความเสียหายแก่บริษัทดังกล่าวจำนวน 23 ล้านบาท โดยที่ไม่มีการนำกฎหมายที่เกี่ยวกับการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมมาเข้าเป็นส่วนประกอบในการพิจารณาอ่านคำพิพากษา ซึ่งทางเราได้พยายามต่อสู้ในชั้นศาลอุทธรณ์ จนศาลตัดสินให้ชดใช้เงินแก่นายทุนเป็นเงินจำนวน 11 ล้านบาท และเมื่อถึงชั้นศาลฎีกา ศาลได้ตัดสินให้ชดใช้เป็นเงินจำนวน 4 ล้านบาท”
และยังบอกอีกว่าที่ผ่านมาตนได้ใช้เงินทุนและทรัพย์สินที่มีต่อสู้ทางคดีมาโดยตลอดจนทำให้ในวันนี้ไม่มีเงินเหลือที่จะชดใช้ตามคำสั่งศาล จนถูกสำนักงานบังคับคดี เข้ายึดทรัพย์สินที่มีอยู่คือแปลงที่ดินบ่อเลี้ยงปลาจำนวน 34 ไร่ใน ต.บางกระเจ็ด อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อนำขายทอดตลาดนำเงินชดใช้ค่าเสียหายที่ถูกฟ้องเรียกเก็บตามการตัดสินคดีของศาลแพ่งในราคาถูก
จนทำให้ทุกวันนี้ตนต้องกลายเป็นคนล้มละลาย หมดสิ้นทั้งทรัพย์สินและอาชีพทุกด้าน และยังต้องไปรับจ้างทำงานในบ่อเลี้ยงปลาเพื่อให้มีรายได้ประทังชีวิตเดือนละ 7,000 บาท
พร้อมวอนขอให้นักกฎหมายที่มีจิตเมตตายื่นมือเข้าช่วยเหลือทางกฎหมายเพื่อต่อสู้ในคดีทางปกครองที่ยังอยู่ในชั้นศาลปกครอง ตนเองได้ยื่นร้องคัดค้านไปตามสิทธิทางกฎหมาย
“ที่ผ่านมาได้จ่ายค่าเช่าที่ดินทำกินมาตลอดทุกปี แต่ยังไม่ได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมทำนา จึงอยากฝากบอกเตือนถึงเพื่อนชาวนาด้วยกันว่า หากมีนายทุนเข้ามาซื้อที่ดินที่กำลังเช่าทำนาอยู่ ขอให้ดูกรณีที่เกิดขึ้นกับตัวเองเป็นตัวอย่าง” นายพงศธร กล่าว