ศูนย์ข่าวขอนแก่น-หนุ่มวัย17 ปี ลูกจ้างโรงงานหล่อเสาปูน ถูกโซ่เครื่องหล่อเสาตัดนิ้วขาดถึง 4 นิ้วขณะทำงานซ่อมเครื่อง แต่นายจ้างกลับจะจ่ายเยียวยาแค่ 50,000 บาท ครอบครัวไม่พอใจ ด้านมูลนิธิดาวเหนือลั่นต้องเอาผิดนายจ้างใช่แรงงานเด็ก แถมโรงงานไม่มีใบอนุญาต ซ้ำไม่จริงใจเยียวยาชดเชย
วันนี้(19ธ.ค.)ที่ สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ดร.พิมไหมทอง ศักดิพัตโภคิน หรือมาดามส้ม ประธานมูลนิธิดาวเหนือ หัวหน้าพรรคชาติรุ่งเรือง พา น.ส.จำปี วงษ์เทเวศ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 ม.7 ต.ม่วงหวาน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ณัฐนนท์ รัตนวงษ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.น้ำพอง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายจ้าง คือนาย สังคม ขาวอรุณรุ่ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 ซึ่งเป็นนายจ้างของนายภาณุพงศ์ พุ่มเพิ่ม อายุ 17 ปี ลูกชายของน.ส.จำปี หลังเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับตำรวจเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ในความผิดฐานประมาทเลินเล่อทำให้ลูกจ้างได้รับอันตรายทุพพลภาพ
น.ส.จำปี วงษ์เทเวศ มารดาของนายภาณุพงศ์ เล่าว่า เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา นายภาณุพงศ์ ได้ซ่อมบำรุงเครื่องโม่หิน จนเกิดอุบัติเหตุ โซ่ของเครื่องโม่ดังกล่าวบาดมือ ทำให้นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง ข้างขวาขาด และนิ้วก้อยเกือบขาดแต่ไม่สามารถใช้งานได้ กลายเป็นผู้พิการนิ้วมือ 4 นิ้ว ส่งต่อรับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ได้พูดคุยกับทางนายจ้าง ซึ่งมีพนักงานพนักงานสอบสวนเป็นคนกลาง เพื่อตกลงชดใช้ค่าเสียหายกันที่ 50,000 บาทและได้ชดใช้กันในวันเกิดเหตุก่อนหน้านี้ 10,000 บาท เหลือ 40,000 บาท ก็ได้มีการจ่ายเงินกันในวันที่ 15 ธันวาคม 25566 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการลงบันทึกประจำวันเอาไว้เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมช่วงช่วง 11.30 น.
ในวันที่ไกล่เกลี่ยกันที่โรงพักนั้น พอเจอหน้าผู้ใหญ่บ้าน ก็ถามแม่ทันทีว่าจะเอาเท่าไหร่ แม่บอกขอ 150,000 บาท ทางผู้ใหญ่บ้านบอกไม่ได้เพราะเยอะเกินไป ถ้าไม่ได้150,000ขอเป็นหลักแสนให้แม่ได้ไหม นายจ้างบอกไม่ได้ แม่เลยถามว่าให้ได้เท่าไหร่ นายจ้างก็บอกให้ได้แค่ 20,000 บาท แม่ก็อึ้งทันที ซึ่งแม่ก็รอทางตำรวจช่วยพูดเสริมให้ แม่ก็รอฟัง แต่ก็ไม่ได้มีการพูดช่วย
“แต่มีผู้กองโต๊ะข้างกัน บอกว่า แม่เรียก 100,000 บาทไว้ อย่าให้หลุดแสน แต่ผู้กองโต๊ะร้อยเวรบอกว่า งั้นคนละครึ่งทาง คนละ 50,000 บาท เลยบอกให้จ่ายเงินให้แม่อีก 2 หมื่น กับของเดิมเป็น 50,000 บาท ก็ไม่ได้ตอบอะไร จำใจเอาเพราะไม่รู้จะทำยังไงเลยปล่อยเลยตามเลย แม่ทั้งตกใจ และตำรวจก็พูดสรุปให้เหมือนกับถูกมัดมือชกไปแล้ว”น.ส.จำปีกล่าวและว่า
ที่ต้องมาวันนี้เพราะดูสถานการณ์แล้ว นายจ้างซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านไม่ได้ใส่ใจครอบครัวเราหรือคนเจ็บเลย อยากให้ลูกได้รับการดูแลมากกว่านี้จากนายจ้าง เพราะลูกชายก็ยังอายุน้อย อนาคตยังไกล ตอนนี้ลูกไม่สามารถทำอะไรได้ แม้กระทั่งเขียนหนังสือหรือเซ็นชื่อเลย และทุกครั้งที่รับเงินก็ต้องดำเนินการเองทุกอย่าง ถึงขั้นทวงถามจึงได้มา ทำให้เป็นสิ่งที่แม่ติดใจคือทำไมต้องให้แม่โทรตามตลอด เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น ทำไมนายจ้างจึงให้เด็กอายุ 17 ปีเป็นคนไปซ่อมเครื่อง
ซึ่งขณะเกิดเหตุ เครื่องโม่หินขัดข้องต้องทาจาระบีตรงโซ่ โดยน้องบอกว่าใช้กระดาษทาไม่ถนัด จึงใช้มือแทนกระดาษ พอมือแตะที่โซ่เครื่องยนต์ก็ทำงานทันทีทำให้ตัดเข้าที่นิ้วทั้ง 4 นิ้วจนพิการขาด และยังบอกอีกว่าช่วงที่ทาระบีนั้นอาจมีการหลงลืมว่าเปิดหรือปิดเครื่องอยู่เพราะ การทำงานจะเป็นการเปิดเปิดปิดปิดตลอดเวลา
ด้าน ดร.พิมไหมทอง ศักดิพัตโภคิน หรือมาดามส้ม ประธานมูลนิธิดาวเหนือ หัวหน้าพรรคชาติรุ่งเรือง กล่าวว่า ตนเองได้รับการประสานจากทางแม่ของลูกจ้าง ที่เกิดอุบัติเหตุระหว่างทำงานจนนิ้วพิการ 4 นิ้ว เนื่องจากแม่กลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะนายจ้างเป็นผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งอยู่หมู่บ้านติดกัน หลังเกิดเหตุทางฝั่งครอบครัวผู้บาดเจ็บได้รับการติดต่อจากนายจ้างโดยให้เงินมาก่อน 10,000 บาท ก่อนจะมาแจ้งความและได้รับเพิ่มอีกเป็น 50,000 บาท แต่แม่มองว่าอนาคตของน้องน่าจะได้เงินเป็นจำนวนที่มากกว่านี้
จึงติดต่อประสานงานมาทางมูลนิธิ เพื่อเอาผิดนายจ้างและให้มีการตรวจสอบ หลังพบว่าโรงงานไม่มีใบอนุญาต และรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าทำงานโดยไม่มีสัญญาว่าจ้าง ซึ่งหลังจากแจ้งความเสร็จก็จะพาเข้าพบกับเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดขอนแก่นเพื่อร้องขอในเรื่องของทนายความ รวมทั้งทางสำนักงานแรงงานเพื่อประสานในเรื่องสิทธิต่างๆที่จะได้รับตามระเบียบและขั้นตอนของกฎหมาย