นครสวรรค์ - แกะรอยคดียิงโจ๋ชุมแสง..หลังสองหนุ่มพิจิตรเข้ามอบตัวกองปราบฯ ยัน ตร.จับแพะ จนเพื่อนคนหนึ่งติดคุกฐานร่วมกันพยายามฆ่ามาแล้ว 2 เดือน อีกคนประกันตัวรอสู้คดี ยันยิงเองกับมือ-สารภาพแล้วตำรวจไม่เชื่อ แถมกันเป็นพยานซ้ำ
กรณี “จ่าคิงส์สะพานใหม่” พาตัวนายปลั๊ก อายุ 22 ปี และนายฟลุ๊ค อายุ 24 ปี สองหนุ่มชาว จ.พิจิตร เข้ามอบตัวที่กองบังคับการตำรวจปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง คดีก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ จนมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ช่วงค่ำคืนของวันที่ 15 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา
พร้อมกับเผยว่าหลังเกิดเหตุ ทางตำรวจ สภ.ชุมแสงได้จับกุมตัวแพะรับบาป คือ นายอ๋อง อายุ 28 ปี และนายบัส อายุ 19 ปี ไปดำเนินคดี ตอนนี้นายอ๋องถูกจองจำอยู่ในคุกฟรีมานาน 2 เดือนแล้ว ส่วนการที่ให้จ่าคิงส์พาเดินทางมามอบตัวนั้น เพราะรู้สึกสำนึกผิด และรู้สึกเห็นใจคนที่ต้องมาติดคุกแทน ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ด้วย
และก่อนหน้านี้ก็เคยเดินทางไปมอบตัวยังโรงพักเจ้าของพื้นที่แล้ว แต่ตำรวจกลับไม่ดำเนินคดีแต่อย่างใด หนำซ้ำยังได้ถูกกันเอาไว้เป็นพยานทั้งที่ทั้งคู่ยอมรับความผิด และให้การสารภาพทุกอย่าง ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด นายบัส หนึ่งในผู้ที่ตกเป็นแพะรับบาป ถูกตำรวจดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่า เปิดเผยที่บ้านในพื้นที่ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ว่าวันที่เขามีเหตุยิงกัน คือคืนวันที่ 15 ตุลาคม ซึ่งวันนั้นตนนอนอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหนเลย และไม่ทราบว่ามีเหตุยิงกันด้วย
จนกระทั่ง 15 พฤศจิกายน จึงมารู้เรื่อง พร้อมกับตกเป็นผู้ต้องหา เมื่อมีหมายเรียกจากตำรวจ สภ.ชุมแสง ส่งมาที่บ้าน โดยกล่าวหาว่าตนไปร่วมกันก่อเหตุพยายามฆ่า ซึ่งตนก็งง ว่าอยู่ดีๆ ต้องกลายเป็นผู้ต้องหาได้อย่างไร แต่ตนก็บริสุทธิ์ใจ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด จึงเดินทางไปให้การต่อตำรวจ โดยหวังให้เขาดำเนินการจับคนร้ายตัวจริงมาดำเนินคดีให้ได้
แต่ชุดจับกุมกลับรำหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดที่ไม่เห็นใบหน้า มีแต่เสียงคนเรียกชื่อที่ออกเสียงใกล้เคียงกับชื่อเดียวตนมาแสดงให้ดู พร้อมกับยืนยันว่า นี่คือหลักฐานเด็ดมัดตัว จึงทำให้ตนตกที่นั่งลำบาก กลายเป็นผู้ต้องหาทันที ทั้งที่พยายามปฏิเสธ พร้อมกับพาน้าไปยืนยันด้วยว่า คืนวันเกิดเหตุ ตนนอนอยู่ที่บ้านจริงๆ แต่ตำรวจเขาไม่เชื่อเลย
เมื่อถามถึงว่ารู้จักกับนายปลั๊ก มือยิงผู้ก่อเหตุตัวจริงหรือไม่ นายบัสกล่าวว่า รู้จัก แต่เคยไปเที่ยวด้วยกันแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ส่วนเรื่องของตนในตอนนี้ แม้ได้ประกันตัวออกมาเพื่อเตรียมสู้คดี แต่กลับกัน นายอ๋อง เพื่อนรุ่นพี่ที่ถูกดำเนินคดีด้วยกัน เขาไม่มีพ่อแม่ และไม่มีเงินประกันตัวเหมือนตน จึงต้องเข้าไปรอสู้คดีอยู่ภายในคุกแทน ซึ่งตนรู้สึกสงสาร และเห็นใจพี่เขามาก แต่พอวันนี้ได้ทราบข่าวว่ามือปืนผู้ก่อเหตุตัวจริงได้ไปกรุงเทพฯ เพื่อมอบตัวยอมรับสารภาพแล้ว ก็ทำให้ตนเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว
ด้าน น.ส.กุญนัดดา พรสิงห์ อายุ 57 ปี มารดาของนายบัส กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทุกข์ใจมากที่ลูกชายต้องตกเป็นผู้ต้องหาพยายามฆ่า ทั้งที่ไม่เคยไปเกี่ยวข้อง หรือไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์ใดๆ ซึ่งยืนยันได้ว่าลูกของตนนอนอยู่ที่บ้านจริงๆ และมีน้าของเขาเป็นพยานยืนยัน เพราะวันนั้นเขานอนอยู่ในห้องเดียวกัน แต่ตำรวจไม่เชื่อ เนื่องจากคนที่ถูกยิงเจ็บ เขาชี้ตัวยืนยันมาที่ลูกของตน และนายอ๋อง ว่าเป็นคนก่อเหตุ จึงทำให้ตนรู้สึกทุกข์ใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ มาจนทุกวันนี้ ต้องคอยหาเงินเพื่อเตรียมเอาไว้สู้คดีให้ลูก
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางสอบถามนายปลั๊ก และนายฟลุ๊ค ผู้ก่อเหตุตัวจริง เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวทั้งหมดถึง อ.โพทะเล จ.พิจิตร นายปลั๊ก กล่าวว่า ที่ให้จ่าคิงส์พาเดินทางไปกองปราบปราม เนื่องจากสำนึกผิด และต้องการไปเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับนายอ๋อง รวมถึงคนอื่นๆ ที่ถูกหมายจับในคดีที่พวกตนเป็นผู้ก่อขึ้น
นายปลั๊กบอกว่ายอมรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มผู้บาดเจ็บจริง ซึ่งวันที่เกิดเหตุ ตนได้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของนายฟลุ๊ค จาก จ.พิจิตร มาที่ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ เพื่อไปร่วมงานวันเกิดเพื่อนคนหนึ่ง ระหว่างทาง ได้พบกับกลุ่มวัยรุ่นเจ้าถิ่น ที่พยายามจะมาหาเรื่อง โดยจะปาขวด และเอามีดวิ่งมาไล่ฟันใส่ตน จึงดักปืนที่พกติดตัวมาด้วย ยิงใส่ไป 1 นัดจนมีผู้บาดเจ็บ
เมื่อถามถึงวันนั้นได้เจอนายอ๋อง กับนายบัส หรือไม่ นายปลั๊กยอมรับว่า รู้จักกับนายอ๋อง และก็ได้เจอกับนายอ๋องจริง เพราะก่อนหน้าที่จะไปเผชิญศึกกับกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณี พี่เขาได้โทร.มาบอกว่ารถเขาสตาร์ทไม่ติด จอดเสียอยู่กลางทาง ซึ่งหลังจากที่ตนก่อเหตุ ก็ได้ขี่หลบหนีไปช่วยพี่เขาดันรถ จากนั้นจึงได้แยกย้าย และไปงานวันเกิดเพื่อนต่อ โดยที่พี่เขาก็ไม่รู้เรื่องเลยว่า ก่อนจะมาเจอกัน พวกตนไปก่อเหตุอะไรมา จนกระทั่งมาทราบข่าวว่า พี่อ๋องตกเป็นผู้ต้องหาถูกจับแทนพวกตน
ขณะที่นายฟลุ๊คระบุว่า ตนและนายปลั๊กรู้สึกผิดที่พี่อ๋องและกลุ่มเพื่อนๆ ที่เขาไม่รู้เรื่องด้วยอีก 3-4 คน ต้องมาตกเป็นผู้ต้องหาแทน จึงได้ตัดสินใจกับนายปลั๊ก พากันเดินทางไปมอบตัวต่อตำรวจ พร้อมกับให้การยอมรับสารภาพ นำเสื้อผ้าในวันที่เกิดเหตุไปมอบให้เป็นหลักฐาน และพาไปชี้จุดที่ก่อเหตุ
แต่สิ่งที่ได้รับก็คือ พวกตนกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะตำรวจเขาไม่ยอมเชื่อ แถมยังต่อว่าพวกตนว่า ไปรับจ้างให้มารับข้อหาแทนอีก ซึ่งตนก็เหนื่อยใจที่จะหาหลักฐานมางัดการสารภาพบาปกับทางตำรวจแล้ว จึงได้ไปปรึกษากับจ่าคิงส์ เพื่อให้พามอบตัว และเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับพี่อ๋อง และเพื่อนคนอื่นๆ ที่ถูกดำเนินคดีแทน ซึ่งตนขอยืนยันว่า ตนเป็นคนขี่ และนายปลั๊กเป็นผู้ลงมือยิง โดยก่อเหตุกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น
นายปลั๊กและนายฟลุ๊คระบุด้วยว่า ได้รับการติดต่อจากตำรวจ สภ.ชุมแสง ไปให้ปากคำในวันนี้ (14 ธ.ค. 66) แล้ว และทราบว่าทางตำรวจจะรื้อคดี และสอบสวนใหม่ทั้งหมด โดยทั้งคู่ยืนยันว่าจะเดินทางไปสารภาพผิด เพื่อมอบตัว คืนความเป็นธรรมให้กับนายอ๋อง และเพื่อนคนอื่นๆ อย่างแน่นอน และจะขอสู้คดีด้วย เนื่องจากข้อหาพยายามฆ่า มันดูรุนแรงเกินไป ทั้งที่ความจริง เป็นการยิงป้องกันตัวไม่ให้กลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีเข้ามาทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ