ผู้การสืบสวนนครบาล เผยสัญลักษณ์รูปฟันเฟืองเกิดที่จากเหล็กเผาไฟ แล้วประทับบนตัวแก๊งผู้ต้องหายิง “ครูเจี๊ยบ-เด็กอุเทน” เป็นการบ่งบอกอวยชั้นยศในระดับแกนนำ และการก่อเหตุแต่ละครั้ง
จากกรณีตำรวจจับกุม 8 ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิง นายธนสรณ์ หรือน้องหยอด อายุ 19 ปี นักเรียนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯและเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยเหตุการณ์นี้มี น.ส.ศิรดา สินประเสริฐ หรือครูเจี๊ยบ ครูสอนคอมพิวเตอร์จากโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ถูกลูกหลงเสียชีวิต เหตุเกิดที่ย่านเขตคลองเตยตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (24 พ.ย.) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยความคืบหน้าคดีดังกล่าวโดยยืนยันว่า จากการสอบสวนกรณีพบสัญลักษณ์ฟันเฟืองประทับบริเวณร่างกายร่างกาย หัวไหล่ และเสื้อช็อปของกลุ่มเยาวชนที่จับกุมจากคดีนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า สัญลักษณ์ดังกล่าวเป็นเหมือนอวยชั้นยศ เสมือนเหล่าทัพ วิธีการ นำเหล็กไปเผาไฟก่อนจะนำมาประทับในร่างกายของผู้ร่วมขบวนการก่อเหตุเพื่อแสดงให้เห็น ระดับชั้นจากการก่อเหตุแต่ละครั้ง ซึ่งมีความหมายสำหรับขบวนการว่า หากมีมาก ก็จะเป็นระดับยศชั้นสูงหรือเป็นผู้นำ เทียบเคียงสี่เหล่าทัพเรื่องนี้ ทางฝ่ายสืบสวนถือว่า เป็นประเด็นย่อย แต่ก็ได้มีการเก็บข้อมูลไว้ทั้งหมด ซึ่งผู้ต้องหาคนที่ตรวจพบรอยประทับฟันเฟืองยืนยันว่าไม่ใช่ระดับธรรมดาแต่เป็นระดับแกนนำแนวหน้าของขบวนการดังกล่าว ประเด็นดังกล่าวทางกองสืบสวนก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้แล้วแต่ไม่ใช่เป็นประเด็นหลัก
ส่วนกรณีที่ขบวนการดังกล่าวนำรูป นายศตวรรษ นักศึกษาร่วมสถาบันที่เสียชีวิต หลังถูกก่อเหตุยิงเมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา บริเวณจรัญสนิทวงศ์ และนำมาติดพร้อมนำพวงมาลัยมาคล้องคล้ายกับการเชิดชูผู้เสียชีวิตและปลูกเร้าให้ขบวนการฮึกเหิมในการแก้แค้นคู่อรินั้น พล.ต.ต.ธีรเดช ระบุว่า เรื่องดังกล่าว ต้องแสดงความเสียใจกับครอบครัว โดยทางตำรวจไม่เคยบอกว่าผู้เสียชีวิตเป็นแกนนำของกลุ่มนี้แต่ถูกใช้มาเป็นเครื่องมือในการมาแก้แค้นคู่อริ พร้อมให้ความเป็นธรรม
พล.ต.ต.ธีรเดช เปิดเผยอีกว่า คดีนี้และคดีอื่นๆ ขณะนี้ทางฝ่ายสืบสวน ได้รื้อคดีทั้งหมด อาทิ คดีบุกยิงกลางงานแต่งในพื้นที่ สน.สุทธิสาร เมื่อช่วงเดือน ส.ค. 65 เหตุยิง ซอยกำนันแม้น เดือน ก.ค. 65 จะถูกนำกลับมาสืบสวนใหม่ทั้งหมด เบื้องต้นข้อมูลพบว่าทั้ง 3 คดีมีความเชื่อมโยงกันเนื่องจากพฤติการณ์ในการก่อเหตุมีลักษณะคล้ายกัน
ส่วนเรื่องประเด็นแม่ของ 1 ในผู้ต้องหา ไม่เชื่อว่าลูกชายของตนเองเป็นผู้ร่วมขบวนการ เพราะแค่แม่ด่าลูกยังร้องไห้แล้ว จึงอยากฝากถึงผู้ปกครองว่า อยากดูพฤติกรรมของลูกอย่างละเอียด ว่าลูกมีพฤติกรรมอย่างไรถึงมานั่งบ่นแคร่หรือเก้าอี้ไม้ และการจะถูกยกย่องเป็นถึงผู้นำในขบวนการดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่าย แสดงว่าต้องมีพฤติกรรมที่ทำให้ขบวนการดังกล่าวยกย่องเชื่อถือได้แต่แม่อาจจะไม่มีข้อมูลซึ่งยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ใส่ร้ายใคร
สำหรับรถจักรยานยนต์ของผู้ก่อเหตุที่ ใช้ก่อเหตุยิงครูเจี๊ยบและน้องหยอด หลังเกิดเหตุได้มีการเปลี่ยนสีเพื่อตบตาตำรวจใช้ในการหลบหนียังไม่พบแต่อยู่ระหว่างการสืบสวน ส่วนที่เมื่อวานนี้มีเพื่อนของกลุ่มผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวไปเยี่ยมที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ อ้างว่าไม่ได้รู้จักกับขบวนการดังกล่าว แต่กลับให้ข้อมูลผ่านสื่อมวลชน มองว่า บุคคลดังกล่าวน่าจะรู้จักคนภายในและขบวนการนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นตำรวจก็จะต้องมีการเชิญ มาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนอย่างแน่นอน
พร้อมขอบคุณชายคนดังกล่าวที่ออกมาระบุว่า ขอให้ “ดูหลักฐานต่อสู้ในชั้นศาล” เป็นคำพูดในลักษณะที่คล้ายกับตำรวจไม่มีหลักฐานที่จะสามารถเอาผิด ขบวนการดังกล่าวได้นั้น จึงอยากบอกชายและขบวนการคนดังกล่าวว่าตำรวจมีพยานหลักฐาน 100 เปอร์เซ็นต์ที่จะแสดงต่อศาลเอาผิดได้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงขอใช้คำพูดน้องคนเมื่อวาน “เดี๋ยวต้องไปดูกันที่ชั้นศาล”
นอกจากนี้การติดตามจับกุม นายวินและนายเลาะ รวมทั้งขบวนการที่เหลือ ตำรวจมีความมั่นใจว่าจะได้ผู้ต้องหาทั้งหมดมาดำเนินคดีอย่างแน่นอน ส่วนรายละเอียดไม่ขอเปิดเผยเพราะคู่กรณีหรือกลุ่มผู้ต้องหา ก็ดูความเคลื่อนไหวของตำรวจอยู่ ส่วน 84 คนรู้เบาะแสทั้งหมดแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด