รัฐฉาน เมียนมา/สามเหลี่ยมทองคำ - รัฐบาลเงา-กองกำลังภาคประชาชน (PDF) ชี้เป้าขยายสงครามโจมตีตอนกลางของพม่าเพิ่ม หลังพันธมิตรชนกลุ่มน้อยรัฐฉานเหนืออ้างผลงานรบ 10 วันยึดค่ายทหารเมียนมาเรียบ 106 ค่าย
พันธมิตรชนกลุ่มน้อยในรัฐฉานตอนเหนือ ประกอบด้วย กองทัพโกก้าง (MNDAA) กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (TNLA) และกองทัพยะไข่ (AA) ที่เปิดฉากสู้รบกับทหารเมียนมาในเขตต่างๆ บริเวณรัฐฉานตอนเหนือติดชายแดนเมียนมา-จีน มาตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดสำนักข่าว Tachileik News Agency ในประเทศเมียนมา ได้รายงานว่า หลังจากการรบยืดเยื้อมาเป็นวันที่สิบ ทางกลุ่ม MNDAA ระบุว่าสามารถยึดค่ายทหารของกองทัพเมียนมาได้มากถึง 106 ค่าย ในเขตปกครองตนเองโกกั้งที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลเมียนมา
รายงานจากกลุ่มพันธมิตรทั้ง 3 อ้างว่า การปะทะและยึดค่ายทหารมีขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมาหลังจากที่กองกำลัง MNDAA เข้ายึดค่ายทหารจำนวน 3 แห่งในพื้นที่โตนชาน เขตปกครองตนเองโกกั้งดังกล่าว ซึ่งปฏิบัติการทั้งหมดทำให้สามารถยึดอาวุธยุทโธปกรณ์จากกองทัพเมียนมาได้เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ การสู้รบยังมีขึ้นในพื้นที่แคว้นซิงวาน โกกั้งตอนเหนือ ทางกองกำลัง MNDAA ได้เข้าโจมตีค่ายทหารเมียนมาที่อยู่บนเนินเขากอถังป๊อปปกอย่างหนักเช่นกัน ขณะเดียวกันพันธมิตรของ MNDAA คือกองทัพยะไข่ หรือ AA ได้โจมตีค่ายทหารนอกเมืองมองโกและสามารถยึดเอาไว้ได้สำเร็จ
สำนักข่าว Tachileik News Agency รายงานอีกว่า ด้านกองทัพปลดแอกแห่งชาติตะอาง (TNLA) ได้โจมตีและยึดครองค่ายโมโลของกองทัพทหาร ในเมืองโหมเหม่ยและสามารถจับกุมทหารเมียนมาได้ 1 นาย และหลังการต่อสู้กองทัพเมียนมาได้ใช้เฮลิคอปเตอร์เข้าสนับสนุน และมีการใช้เครื่องบินเข้าโจมตีฝ่ายพันธมิตรจำนวน 4 ครั้ง รวมทั้งมีการเสริมกำลังทหารเข้าไปที่เมืองน้ำคำเพื่อจะยึดพื้นที่คืน
นอกจากกองกำลังพันธมิตรทั้ง 3 กลุ่มแล้ว ยังปรากฏข่าวด้วยว่ากระทรวงกลาโหม รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติเมียนมา หรือรัฐบาลเงา (National Unity Government: NUG) ได้เผยแพร่เนื้อหาและภาพว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ย. กองกำลังปกป้องประชาชนหรือ PDF ได้บุกเข้ายึดสถานีตำรวจในเขตมะกเวทางตอนกลางของประเทศ ทำให้มีทหารเมียนมาเสียชีวิต บาดเจ็บ และถูกจับกุมหลายนาย ส่วนฝ่าย PDF ได้รับบาดเจ็บ 13 นาย พร้อมยึดอาวุธได้เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ มีการประกาศด้วยว่าการโจมตีมีกองทัพประชาธิปไตยนักเรียนแห่งชาติเมียนมา (ABSDF) และกองกำลังท้องถิ่น Pakafa เข้าร่วมด้วย
