ลำพูน - คนขับรถกู้ชีพแหกโค้งชนวินาศเสาหลัก-รถ-ร้านก๋วยเตี๋ยว/หมี่เกี๊ยวข้างทางลำพูน จนลูกค้าวิ่งหนีตายสุดชีวิต อ้าง..ฝนตกอากาศเปลี่ยน ฤทธิ์ยาแก้แพ้ทำวูบขณะขับรถไปรับคนถูกงูกัด ยันดื่มเหล้า 2 แก้ว-ไม่เมา เบื้องต้นเทศบาลฯ สั่งพักงานแล้ว
ความคืบหน้ากรณีรถยนต์กู้ชีพหมายเลขทะเบียน กจ 4031 ลำพูน ซึ่งเป็นรถกู้ชีพของเทศบาลตำบลทากาศ อ.แม่ทา จ.ลำพูน ซึ่งมีนายอนุรักษ์ อากาศ อายุ 43 ปี เป็นคนขับ แหกโค้งชนวินาศสันตะโร ทั้งเสาหลักข้างทาง รถเก๋งที่จอดอยู่ ก่อนกวาดร้านก๋วยเตี๋ยว-บะหมี่เกี๊ยว พังพินาศ จนทำให้ลูกค้าสาวที่ยืนสั่งก๋วยเตี๋ยวอยู่ต้องวิ่งหนีสุดชีวิต รอดตายหวุดหวิด เมื่อบ่ายวันที่ 30 ก.ย. 66 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด นายอนุรักษ์ อายุ 43 ปี คนขับรถกู้ชีพคันเกิดเหตุ พร้อมด้วยญาติๆ ได้มาขอเจรจาชดเชยค่าเสียหายของร้านบะหมี่เกี๊ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในร้านที่ได้รับความเสียหาย เมื่อเย็นวันที่ 2 ต.ค. 66 ที่ผ่านมา เบื้องต้นจะชดเชยให้ประมาณ 4 หมื่นบาทเศษ
นายอนุรักษ์ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า วันเกิดเหตุได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีคนถูกงูพิษกัด ตนอยู่เวรคนเดียวจึงขับรถออกไปรับคนถูกงูพิษกัดตามลำพัง แล้วเกิดอาการวูบระหว่าวทาง ซึ่งสาเหตุน่าจะเกิดจากการกินยาแก้แพ้ เพราะสองวันก่อนฝนตกหนักตนแพ้อากาศ ยืนยันว่าไม่ได้เมาแต่อย่างใดเพราะดื่มเหล้าไปเพียงสองแก้วเท่านั้น
ขณะที่แหล่งข่าวที่เป็นผู้บริหารในเทศบาลทากาศเหนือได้ให้ข้อมูลว่าวันเกิดเหตุไม่มีคำสั่งให้ออกไปปฏิบัติงานแต่อย่างใด เบื้องต้นเทศบาลฯ ได้ลงโทษทางวินัยได้มีการสั่งพักงานคนขับรถคันเกิดเหตุไปก่อน และสิ้นเดือนตุลาคมนี้นายอนุรักษ์ก็จะหมดสัญญาจ้างแล้วและทางเทศบาลฯ คงจะไม่ต่อสัญญาจ้าง ส่วนความเสียหายของรถกู้ชีพทางเทศบาลฯ จะซ่อมแซมไปก่อน แล้วจะมีการไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อไป เบื้องต้นคาดว่าประมาณเกือบ 1 ล้านบาท
ด้านนางหมวย เจ้าของร้านบะหมี่เกี๊ยวหนึ่งในผู้เสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวระบุว่าตอนเกิดเหตุน้องที่ร้านเสริมสวยมาสั่งบะหมี่ตนก็กำลังยืนลวกบะหมี่อยู่ จากนั้นก็ได้ยินเสียงดังตู้ม แต่คิดว่ามันน่าจะเกิดขึ้นไกลไม่มาถึงเราก็เลยยืนลวกต่อ แล้วก็ได้ยินเสียงดังตู้มอีกครั้ง จึงหันไปดูก็เห็นว่ารถกำลังพุ่งเข้ามาที่ร้าน แต่คนขับหักออกรถจึงผ่านหน้าตัวเองไปอย่างหวุดหวิด ก่อนที่รถจะพุ่งเข้ามาชนเสาร้านได้รับความเสียหาย
“ถ้าหลบไม่ทันฉันน่าจะถูกชนเต็มๆ ความรู้สึกตอนนี้ยังอธิบายไม่ถูกเลยเหมือนกัน เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน”