xs
xsm
sm
md
lg

ดับเครื่องชน! พนง.จ้างเหมา วธ.นครสวรรค์โวยลั่น แจ้งเรื่องเพื่อนร่วมงานใช้รถหลวงแวะซื้อยาเสพ โดน หน.บีบออกเฉย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครสวรรค์ - พนง.จ้างเหมา สนง.วัฒนธรรมจังหวัดฯ เปิดใจพร้อมดับเครื่องชน..เผยตั้งใจทำงานมา 5 ปี เห็นคลิปเพื่อนร่วมงานใช้รถตู้หลวงแวะซื้อยาเสพชัดเจน แจ้ง หน.ตรวจสอบ สุดท้ายกลับโดนบีบออก-เลิกสัญญาจ้างหน้าตาเฉย


กรณีเพจ “survive - สายไหมต้องรอด” ได้มีการโพสต์ข้อความระบุว่า..“ห๊ะ! จนท.กระทรวง วธ.จังหวัด..ขับรถหลวงแวะซื้อยาบ้าดูด เพื่อนร่วมงานรู้เรื่อง แจ้ง หน. สุดท้ายคนแจ้งโดน หน.เล่นงานไม่ต่อสัญญา”

อีกทั้งยังมีการเปิดคลิปในช่องคอมเมนต์ เผยให้เห็นภาพการขับรถเลี้ยวเลาะไปตามถนนซอกซอยต่างๆ ก่อนจะแวะจอด และพูดคุยอะไรบางอย่างกับคนที่ยืนรออยู่ข้างทาง ซึ่งก็ใช้เวลาไม่เกิน 5 วินาที จึงขับรถออกไปต่อ

ส่วนการสนทนาพูดคุยกันภายในคลิป ยังมีการพูดคุยระหว่างคนขับรถกับคนที่นั่งมาด้วย บางช่วงบางตอนมีการชักชวนกันให้ไปแวะหอพักเพื่อเข้าห้องน้ำ พร้อมกับมีเสียงเอ่ยว่า..ที่ชวนไปเข้าห้องน้ำหอพัก เพราะจะแวะไปดูดด้วย

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามแอดมินเพจฯ เพื่อหาพิกัดเรื่องที่เกิดขึ้น กระทั่งรู้ว่าเรื่องดังกล่าวเกิดในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ซึ่งผู้ร้องเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานประจำวัฒนธรรม จ.นครสวรรค์ ที่ไม่ได้รับความยุติธรรมจากผู้บังคับบัญชาตามสายงาน และถูกเล่นงานด้วยการเลิกจ้าง

เนื่องจากเจ้าตัวนำคลิปไปร้องเรียนให้ตรวจสอบพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ในกระทรวงใช้รถหลวงไปซื้อยาเสพติดมาเสพ

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังผู้ร้องเพจเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทราบว่า เจ้าตัวเป็นพนักงานจ้างเหมารายปี ประจำตำแหน่งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี ของวัฒนธรรม จ.นครสวรรค์ ได้นำเรื่องมาเปิดเผยว่า ออกมาร้องเรียนเพราะต้องการร้องขอความเป็นธรรมให้กับตน และเพื่อนร่วมงานตำแหน่งเดียวกันอีก 2 คน

เนื่องจากต้องถูกยกเลิกสัญญาจ้างอย่างไม่ยุติธรรม แถมยังถูกบังคับให้เซ็นใบลาออก เพียงเพราะไปร้องเรียนถึงพฤติกรรมอันฉาวโฉ่ของเจ้าหน้าที่ในสังกัดรายหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แถมยังใช้รถตู้หลวงเป็นยานพาหะนะในการซื้อยาเพื่ออำนวยความปลอดภัยให้แก่ตัวเอง โดยมีเจ้าหน้าที่ในสังกัดอีกคนร่วมรู้เห็นเป็นใจ ขับรถพาไปจอดแวะซื้อยามาดูด ทั้งที่ยังอยู่ในเวลาทำงาน

“เรื่องคลิปที่ส่งไปให้ทางเพจเผยแพร่นั้น ได้หลักฐานมาจากกล้องหน้ารถตู้ ซึ่งพบมีการใช้รถหลวงไปจอดแวะรับยาเสพติด พื้นที่ชุมชนใกล้กับวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง”

ผู้ร้องระบุด้วยว่า คลิปจากกล้องหน้ารถที่ได้มันระบุไว้ว่าเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา เมื่อตนและเพื่อนร่วมงานได้เห็นคลิปนี้ก็รับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง ที่มีคนในที่ทำงานเดียวกันไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จึงได้นำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งผู้บังคับบัญชา

แต่กลายเป็นว่าในวันต่อมา ตนและเพื่อนร่วมงานที่รู้เรื่องนี้ด้วยกันทั้ง 3 คน ถูกเรียกให้ไปตรวจปัสสาวะเฉย แต่กับผู้ที่ถูกร้องเรียนไม่มีการนำตัวมาตรวจ แถมยังอ้างด้วยว่า เขาขอลางาน

ผู้ร้องยังเล่าต่อด้วยว่า ตนเคยถามเหตุผลกับผู้บังคับบัญชาว่าทำไมไม่มีการนำตัวผู้ที่ตนร้องเรียนมาตรวจปัสสาวะด้วย ซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ได้ให้คำตอบว่า ได้มีการพูดคุยกับผู้ปกครองของเจ้าหน้าที่คนนั้นแล้ว ซึ่งเขาให้คำตอบว่ายอมรับลูกของเขาเคยติดยาเสพติดมาก่อน และกำลังอยู่ในช่วงของการบำบัด เพียงแค่นั้นโดยไม่มีเอกสารหลักฐานใดๆ แต่กลายเป็นว่าผู้บังคับบัญชาเกิดความสงสารเมตตา มาบอกกับตนว่า ผู้บำบัด คือผู้ป่วย ต้องให้โอกาสอย่างหน้าตาเฉย

ตนทำงานอยู่ที่กระทรวงนี้มานานถึง 5 ปี และเส้นทางในชีวิตหน้าที่การงานก็กำลังดี ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย แต่สุดท้ายปีนี้ก็ต้องกลับมามืดมนดำดิ่ง เพียงเพราะตนและกลุ่มเพื่อนไปร้องเรียนเจ้าหน้าที่ในสังกัดยุ่งเกี่ยวยาเสพติด

ผู้ร้องระบุว่า รู้สึกหดหู่ใจมาก แทนที่ท่านจะแก้ไข กลับไม่แก้ กลับมาว่าตนและเพื่อน หาว่าพวกตนไปหาเรื่องกลั่นแกล้งผู้ร่วมงานด้วยกันอีก และตอนนี้พวกตนรู้สึกเครียดมาก เพราะพวกถูกบีบคั้น โดนหาว่า กระด้างกระเดื่อง และโดนกลั่นแกล้งสารพัด

“พวกเราว่าจะไม่ยุ่งเรื่องนี้แล้วเหมือนกัน พยายามที่จะอยู่อย่างเงียบๆ แล้ว แต่สุดท้ายก็ถูกความอยุติธรรมเข้าทำร้าย ซึ่งทางนั้นเขาบีบให้ผม และเพื่อนร่วมงานอีก 2 คนเซ็นใบลาออก พร้อมกับมีการยกเลิกสัญญาจ้าง ด้วยข้อหาไม่ปฏิบัติงานตามสัญญาจ้างด้วย ทำไมมันถึงโหดร้ายเพียงนี้”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะดำเนินการอะไรต่อ กลุ่มผู้ร้องบอกว่า ในเมื่อไม่มีความยุติธรรม ทำดีให้กับองค์กรแบบนี้ แล้วยังไม่ได้ดี พวกตนก็จะดำเนินการร้องเรียนให้ถึงที่สุด

พร้อมกับบอกด้วยว่า คนที่ตนร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมี 2 คน โดยคนหนึ่งมีตำแหน่งเป็นคนขับรถตู้ที่รู้เห็นเป็นใจ พาพนักงานราชการรายปี ตำแหน่งเจ้าหน้าที่พัสดุ ซึ่งมีอายุงานเท่ากับพวกตน ไปแวะรับยาเสพติดมาเสพได้อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อไปยังหัวหน้าวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงอีกด้าน แต่กลับยังไม่ได้รับคำอธิบาย เนื่องจากเจ้าตัวอ้างว่ายังไม่สะดวกเพราะเดินทางมาปฏิบัติงานที่กรุงเทพฯ


กำลังโหลดความคิดเห็น