ตร.ปากเกร็ด รวบสาวร้อยเอ็ด สั่งส้มตำไก่ย่าง กินกับเพื่อน ก่อนโอนเงินทิพย์ ส่งสลิปปลอม 400 บาทให้ร้าน เจ้าตัวอ้างไม่มีเงินที่ทำไปเพื่อเพื่อน วอนเพื่อนที่ไปมาช่วยจ่าย พบประวัติก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง เจ้าของร้านลั่นไม่ให้อภัย เอาเรื่องให้ถึงที่สุดทำให้เป็นตัวอย่าง
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 19 ก.ย.66 ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พ.ต.ท.ติรัส ตฤณเตชะ รองผกก.สส.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ท.วรพจน์ ฉิมลอยลาภ สว.สส.สภ.ปากเกร็ด พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.ปากเกร็ด ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.สุชาวดี อ่อนหัวโทน อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 106 ม.5 ต.หัวโทน อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ตามหมายจับศาลแขวงจังหวัดนนทบุรีที่ 414/2566 ได้ที่บริเวณร้านบะหมี่เกี๊ยวหน้าหมู่บ้านกฤษดานคร ถ.แจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ตำรวจแจ้งข้อหา " หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้ผู้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่ 3 หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่ 3 ทำถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ์ "
การจับกุมครั้งนี้เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ที่ติดตามข่าวว่า น.ส.สุชาวดี หรืออิงฟ้า ตระเวนก่อเหตุโอนเงินทิพย์ในจังหวัดนนทบุรี ได้นั่งทานข้าวอยู่ร้านบะหมี่เกี๊ยวย่าน ถ.แจ้งวัฒนะ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงนำกลังลงพื้นที่พร้อมแสดงหมายจับศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี ทางผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ก่อนตำรวจนำตัวผู้ต้องหานำส่งต่อพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามน.ส.สุชาวดี หรืออิงฟ้า ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ตนก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วประมาณ 3 ครั้ง ซึ่งตอนไปก่อเหตุแต่ละครั้งตนไม่ได้ไปคนเดียว ตนมีอาชีพค้าขาย แม่เสียตนเลยอยู่คนเดียวมีลูกอยู่ต่างจังหวัด ที่ทำแบบนี้เนื่องจากไม่มีเงินกิน ตอนก่อเหตุตนไม่เคยไปคนเดียวมีเพื่อนไปด้วยทุกครั้ง ที่ทำแบบนี้ทำเพื่อเพื่อนไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่พอมีปัญหาตนต้องไปเคลียร์คนเดียว ตอนนี้ตนเดือดร้อนแค่ค่าเสียหาย 400 บาท อยากจะรู้เหมือนกันเพื่อนที่ไปกินด้วยจะมาช่วยไหม ถ้าไม่มาตนพร้อมชดใช้เอง ต้องขอโทษผู้เสียหายที่ทำไป ไม่ได้มีเจตนาตนพร้อมชดใช้ค่าเสียหาย และยอมรับผิดส่วนร้านข้าวต้มตนชดใช้ไปแล้ว ถ้ามีเจตนาไม่ดีตนคงปิดบังใบหน้าไม่ใช่เปิดเผยแบบนี้ ส่วนเรื่องที่ปลอมสลิปตนไม่ได้ปลอมเพราะเป็นมือถือเพื่อน ต่อจากนี้ตนจะไม่ก่อเหตุลักษณะนี้อีกแล้ว
ขณะเดียวกันทางด้านน.ส.ติ๋ม หรือเจ๊เต่า อินทรเสน ผู้อายุ 49 ผู้เสียหาย เจ้าของร้านส้มตำรถเข็นเจ๊เต่า ได้เดินทางมาที่ สภ.ปากเกร็ด โดยมีการพูดคุยกับทางผู้ก่อเหตุยืนยันว่าไม่รับคำขอโทษและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยเจ๊เต่า กล่าวว่า วันนี้ตนรู้สึกดีใจและขอบคุณที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับตัวผู้ก่อเหตุได้ รวมถึงขอบคุณสื่อมวลชนที่ทำข่าวให้ตนจนตำรวจจับผู้ต้องหาได้ วันนี้ได้พูดคุยกับผู้ก่อเหตุได้พยายามยกมือไหว้และขอโทษตนหลายครั้ง แต่ตนไม่รับ และจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดไม่ยอมความไม่รับเงินเยียวยาใดๆทั้งนั้น เพราะไม่อยากให้ทางผู้ก่อเหตุไปก่อเหตุลักษณะนี้กับใครอีก ถึงแม้ว่าร้านตนจะเสียหายแค่ 400 บาท แต่มันก็เป็นเงินที่ตนทำงานมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย ซึ่งตนก็ใจดีแถมไก่ย่างให้ทางผู้ก่อเหตุที่มาสั่งอีกด้วย อย่างไรก็ตามก็ให้ทางตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ตอนนี้ก็รู้สึกดีขึ้นและจะพยายามป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าน.ส.สุชาวดี หรืออิงฟ้า ผู้ต้องหา ได้ตระเวนก่อเหตุโอนเงินทิพย์หลายพื้นที่ในจังหวัดนนทบุรี เช่น ร้านข้าวต้ม อ.ปากเกร็ด ร้านเสริมสวย อ.บางบัวทอง และร้านขายเสื้อผ้า อ.บางใหญ่ ในช่วงเดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา