อุตรดิตถ์ - “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์-รอง ผบ.ตร.” นำนายตำรวจระดับสูง เพื่อนตำรวจ ร่วมพิธีฌาปนกิจศพ “ผกก.เบิ้ม” ระบุน้องรักเป็น ผกก.หน่วยต่อต้านก่อการร้ายคนแรก พร้อมดูแลลูก-ครอบครัวน้องรักไปตลอด ขณะที่พ่อเผยภูมิใจลูกเลือดนักรบ
วันนี้ (17 ก.ย. 66) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. และนายตำรวจระดับสูงหลายนาย เดินทางเข้าร่วมพิธีฌาปนกิจศพ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. หรือ ผกก.เบิ้ม ที่ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิตในบ้านพักย่านคูคต จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยสาเหตุน่าจะมาจากความเครียดที่ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.กก.2 บก.ทล. หรือสารวัตรแบงค์ ผู้ใต้บังคับบัญชา ถูกนายหน่องมือปืนยิงคางานเลี้ยง “บ้านกำนันนก จ.นครปฐม” จนเสียชีวิต
งานฌาปนกิจศพ พ.ต.อ.วชิรา หรือ ผกก.เบิ้ม จัดขึ้นที่วัดใหญ่ท่าเสา อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นบ้านเกิด โดยมีเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 39 และนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 55 ตลอดจนข้าราชการระดับสูงในจังหวัด รวมถึงอดีตผู้บังคับบัญชาของผู้กำกับเบิ้มเดินทางมาร่วมไว้อาลัยด้วย อาทิ พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ อดีตนักสืบมือดีของ สตช.
ทั้งนี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เพื่อนๆ และญาติพี่น้องต่างโอบกอดร่ำไห้ รวมทั้งพูดกันถึงคุณงามความดีที่ผู้กำกับเบิ้มเคยมีไว้ตลอดระยะเวลาที่รับราชการตำรวจ
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวว่า เดินทางมาในวันนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่ พ.ต.อ.วชิรา และครอบครัว ในคดีของสารวัตรศิวนั้น ตนซึ่งดูงานสายปราบปรามก็ได้ไปยังที่เกิดเหตุตั้งแต่ต้น โดยคดีนี้แบ่งออกเป็นสองส่วน คดีแรกเป็นคดีที่มือปืนยิงสารวัตรศิว ส่วนนี้ บช.ก.เป็นคนดูแล โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. อีกคดีคือในส่วนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่จะดูแลสำนวนในคดีอื่นๆ ประกอบ คือในส่วนของ บช.ภ.7
“วันนี้ผมมาในฐานะ ผกก.เบิ้มเป็นน้องที่ทำงานอยู่กันมานาน ตั้งแต่สมัยเป็นกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ จนร่วมกันปั้นเป็นกองบังคับการมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 และเปลี่ยนมาเป็นกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ สังกัด บช.ก. และ ผกก.เบิ้มถือเป็น ผกก.หน่วยต่อต้านการก่อการร้ายนายแรกของหน่วย เพราะมีสเปกตรง จบการเรียนด้านนี้มาโดยเฉพาะ มีผู้กำกับการต่อต้านฯ แค่สามนาย คือ สังกัด กก.ปพ. - นเรศวร 261 - อรินทราช 26 เราสร้างเขามาเพื่อตำแหน่งนี้โดยเฉพาะ”
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวต่อว่า เมื่อ ผกก.เบิ้ม ทำงานจนครบ 2 ปีในตำแหน่งก็ต้องให้รุ่นน้องขึ้นมาทำหน้าที่แทน ส่วนตัวเองนั้น ย้ายไปเป็น ผกก.2 บก.ทล. ทำงานถวายความปลอดภัยดูแลเส้นทางเสด็จฯ และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ที่ผ่านมาพวกเราอยู่กันแบบพี่น้อง จึงบอกได้เลยว่าเราจะดูแลลูกและครอบครัวของเบิ้มไปโดยตลอด
“ปัจจุบันได้ตั้งกองทุนไว้ดูแลและไม่ใช่แค่เบิ้มเพียงนายเดียว กองทุนนี้จะดูแลพี่น้องตำรวจนายอื่นๆ เพื่อองค์กรด้วย ขอให้ดูคนที่มาร่วมงานฌาปนกิจมีจำนวนมาก เพราะ ผกก.เบิ้มเป็นคนน่ารัก ที่ผ่านมาเขามีภารกิจพิเศษที่ไม่มีใครรู้อีกมาก ถือว่าเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับงานมาก”
ด้าน พ.อ.วินัย ยาวไทยสงค์ บิดา ผกก.เบิ้ม กล่าวด้วยความโศกเศร้าว่า ผกก.เบิ้มเป็นสิ่งที่มีค่ามากของตนและครอบครัวและญาติพี่น้องทุกคน ที่ผ่านมาเขาถือเป็นตำรวจที่เสียสละอยากมาก มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฝังลึกอยู่ในสายเลือดของความเป็นนักรบ รู้สึกภาคภูมิใจในตัว ผกก.เบิ้ม เป็นอย่างมาก หลังเกิดเหตุตนร้องไห้ทุกวัน หากเกิดใหม่ขอให้เราได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อแม่ เป็นครอบครัวเดียวกันเช่นนี้อีก
สำหรับ ผู้กำกับเบิ้ม เป็นลูกชายคนโตของ พ.อ.วินัย ยาวไทยสงค์ อดีตนายทหารม้า ม.พัน.7 ค่ายพระยาพิชัยดาบหัก จ.อุตรดิตถ์ มารดาคือ นางประไพ ยาวไทยสงค์ เป็นครูใน จ.น่าน โตมาในครอบครัวทหาร สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 39 เหล่าตำรวจ นรต.รุ่น 55 ภายหลังจบจากโรงเรียน นรต.ได้เข้าประจำการที่ จ.ศรีสะเกษ บรรจุครั้งแรก เมื่อปี 2545 ที่กิ่ง อ.ศรีรัตนะ เป็น นรต.ชุดแรกของโรงพัก
โดยเส้นทางอาชีพตำรวจของ พ.ต.อ.วชิรา ได้ร่วมทำงานกับ พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ นับเป็นศิษย์ก้นกุฏิ ต่อมาย้ายมาสังกัดกองปราบปราม ขึ้นเป็นสารวัตรคอมมานโด หรือกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม
ก่อนย้ายไปอยู่กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ขยับเป็นผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าว กองบังคับการตำรวจมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 ต่อมาเป็นผู้กำกับการต่อต้านการก่อการร้าย กก.ปพ.บช.ก. และล่าลุดปี 2564 ได้รับการสนับสนุนให้ย้ายไปเป็น ผกก.2 บก.ทล.