xs
xsm
sm
md
lg

"ผู้กำกับเบิ้ม" เซ่นชีวิต-เด้งผู้การนครปฐม เอฟเฟกต์ คดีปาร์ตี้ "กำนันนก" อะไรอยู่ใต้พรมตำรวจ !!? **“ศิริกัญญา” ถล่มนโยบายรัฐบาล “จีพีเอส”ไร้เป้าหมาย พาปท.หลงทาง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**"ผู้กำกับเบิ้ม" เซ่นชีวิต-เด้งผู้การนครปฐม เอฟเฟกต์ คดีปาร์ตี้ "กำนันนก" อะไรอยู่ใต้พรมตำรวจ !!?


ยิ่งมายิ่งทำให้สังคมสงสัยหนัก กับคดี "ปาร์ตี้กำนันนก" ที่มีตำรวจกว่า 25 นาย เข้าไปเกี่ยวข้องว่า ทางหนึ่ง "ช่วยเหลือกัน" กับอีกทาง "ตัดตอน" พวกเดียวกันเองหรือไม่ ?

รอบวันเดียวเมื่อวาน (11ก.ย.) มีทั้งคำสั่งโยกย้ายโดย “พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง” ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เซ็นคำสั่งตำรวจภูธรภาค 7 ที่ 626/2566 เด้ง “พล.ต.ต. จักรกฤษ เครือสุนทรวานิช” ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เข้ากรุ และ "ผู้กำกับเบิ้ม" พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผู้กำกับการ 2 กองกำกับการตำรวจทางหลวง จบชีวิตยิงตัวเองที่บ้านพัก ปทุมธานี

ต้องบอกว่า ตั้งแต่คืนวันที่ 6 ก.ย.66 ที่ “ธนัญชัย หรือ หน่อง หมั่นมาก” ยิง "สารวัตรแบงค์" หรือ "สารวัตรศิว" พ.ต.ต. ศิวกร สายบัว สารวัตรกองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เสียชีวิต ขณะที่ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ภายในบ้านพักของ "กำนันนก" ประวีณ จันทร์คล้าย กำนันตำบลตาก้อง นครปฐม เรื่องแม้จะดูคลี่คลายขึ้น แต่ลึกๆ กลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน ขึ้นเป็นลำดับ

รู้ทั้งรู้ว่าคดีนี้มีความสำคัญ และสังคมติดตามเกาะติด แต่การปฏิบัติของตำรวจต่อตำรวจด้วยกัน ก็เข้าอีหรอบเดิม

"เด้ง" เป็นบทลงโทษที่เบาหวิว ที่ชาวบ้านก็ดูออกเป็นกระบวนการที่นิยมทำเป็นธรรมเนียม ซึ่งผลลัพธ์ พิสูจน์มาแล้วทุกครั้งว่า นี่เป็นวิธี พวกเดียวกันก็ต้องช่วยกัน ไม่ต้องนำสืบ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์
ขณะที่ ปมการฆ่าตัวตายของ "ผู้กำกับเบิ้ม" ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ “สารวัตรแบงค์” หรือ สารวัตรศิว ก็ทิ้งปริศนาคาใจ ?

จากโปรไฟล์ของนายตำรวจระดับผู้กำกับรายนี้ ใครได้รู้ก็ต้องบอกว่า ไม่ธรรมดา จะมีแรงจูงใจที่คาดว่า เลือกปลิดชีพเพราะมีอาการเหม่อลอย เครียดที่ตัวเองถูกสอบ และถูกพาดพิง ว่าเป็นคนโทรศัพท์ตาม “พ.ต.ต.ศิวกร” ลูกน้องให้มาที่บ้าน”กำนันนก” จน “สารวัตรแบงค์”โดนยิงจริงหรือ ??

พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือ “ผู้กำกับเบิ้ม” เป็นลูกชายคนโตของอดีตนายทหารม้า ม.พัน 7 ค่ายพระยาพิชัยดาบหัก จ.อุตรดิตถ์ โตมากับครอบครัวทหาร โดยที่มารดาเป็นครูที่ จ.น่าน

ว่ากันว่า ความฝันวัยเด็กของเขา อยากสวมเครื่องแบบตามพ่อ โดยสอบเข้าเตรียมทหาร รุ่น 39 เหล่าตำรวจ นรต.รุ่น 55 ก่อนบรรจุครั้งแรก ปี 2545 ที่กิ่ง อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีสะเกษ เป็น นรต.ชุดแรกของโรงพัก

จากนั้นผันตัวเป็นพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม และเข้ามาสู่สายงานสืบสวน โดยอยู่กองปราบ 7 ปี โดยรับตำแหน่ง สารวัตร ปปป.

หลังจากนั้น “พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์” เพื่อนร่วมรุ่นสนิทกันตั้งแต่ที่โรงเรียนนายร้อย ชวนมาเป็นสารวัตรคอมมานโด หรือ กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ โดยไปอยู่ กับ “พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ขณะนั้นซึ่งเป็นรอง ผกก.รักษาราชการแทน ผกก.

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล - พ.ต.ต. ศิวกร สายบัว
ต่อจากนั้น “ผู้กำกับเบิ้ม” เข้าเรียนหลักสูตรต่อต้านก่อการร้ายที่ค่ายนเรศวร 261 ที่นี่เขาฝึกจนได้ธงประจำรุ่น 15 เรียกว่า “01 นเรศวร” ซึ่งเจ้าตัวเคยบอกว่า เป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจมาก เพราะเป็นหลักสูตรสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เส้นทางการรับราชการตำรวจของ “พ.ต.อ.วชิรา” ถือว่าเติบโตอยู่กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ โดยเปลี่ยนจากกองกำกับ เป็นกองบังคับการถวายความปลอดภัยฯ แล้วถึงมาเป็นปฏิบัติการพิเศษกองบังคับการมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 แล้วเป็นกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ โดยเป็นรอง ผกก. แล้วขึ้น ผกก.วิเคราะห์ข่าว ก่อนจะก้าวขึ้นเป็นผกก.ปพ.บช.ก. กองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ “สยบ1”

มีข้อมูลที่ลงบันทึกไว้อีกว่า “พ.ต.อ.วชิรา” ได้รับแต่งตั้งเป็นนายตำรวจราชองครักษ์ ช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2564 อีกด้วยและก่อนจะเสียชีวิต ตำแหน่งสุดท้าย คือ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (ผกก.2บก.ทล.) ดังกล่าว

ไม่ว่าสาเหตุของการเสียชีวิตหรือการฆ่าตัวตายตามลูกน้อง “สารวัตรแบงค์” ไปจะเป็นอย่างไร? แน่นอนเป็นเรื่องที่น่าเสียใจสำหรับครอบครัว “ผู้กำกับเบิ้ม” แต่สังคมก็ยิ่งคลางแคลงใจต่อกระบวนการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ - กำนันนก
"บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ "บิ๊กเด่น" พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จะต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่างชัดที่สุด ว่าอะไรที่อยู่ใต้พรมของตำรวจกันแน่!??

มิฉะนั้นวิกฤตศรัทธาและภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของตำรวจจากคดีปาร์ตี้กำนันนก ตำรวจมีเอี่ยวนับ 25 คน ถูกจับ ถูกเด้ง โดนยิงตาย และเซ่นชีวิต จะไม่มีวันที่จะกู้คืนมาได้ตลอดกาล

**“ศิริกัญญา” ถล่มนโยบายรัฐบาล “จีพีเอส”ไร้เป้าหมาย พาปท.หลงทาง “จุรินทร์” บอกหนังคนละม้วน ไม่ตรงปก ตามที่หาเสียง “สว.วันชัย” อวยสุดลิ่ม “เศรษฐา”มา ราหูหนี ความศิวิไลซ์บังเกิด

รัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ได้ฤกษ์แถลงนโยบาย ก่อนปฏิบัติหน้าที่ ในวันที่ 11-12 กันยายน โดยนโยบายที่ประชาชน และสมาชิรัฐสภาให้ความสนใจ คือ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เติมเงิน 1 หนึ่งหมื่นบาท ให้กับทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจหมุนเวียนทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

พร้อมประกาศ 4 นโยบายเร่งด่วนทำทันที คือพักหนี้เกษตรกร ลดราคาพลังงาน สร้างรายได้ภาคการท่องเที่ยว และแก้รัฐธรรมนูญปี 60 ...เกษตรกรจะอู้ฟู่ใน 4ปี ปลดล็อกสุราพื้นบ้าน เปลี่ยนระบบเกณฑ์ทหาร ปราบปรามคอร์รัปชัน ผลประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนต้องมาก่อน

เศรษฐา ทวีสิน
หลัง “นายกฯเศรษฐา” จบการร่ายยาว ตามปกติจะต้องเป็นคิวของ “ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร” จะเป็นผู้อภิปรายคนแรก แต่ครั้งนี้ ยังไม่มีผู้นำฝ่ายค้านฯ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.จึงเป็นหน้าที่ของ “ศิริกัญญา ตันสกุล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายเป็นคนแรก

“ศิริกัญญา”เปรียบเปรยว่า นโยบายที่ดีต้องเหมือน“จีพีเอส” ที่จะบอกว่าเป้าหมาย ตลอด 4 ปี รัฐบาลจะเดินไปเส้นทางไหน ทำอะไรบ้าง เหมือนตอนที่หาเสียงไว้หรือไม่ นั่งฟังจนจบ ก็พบว่าไม่มีอะไรชัดเจนเลย “จีพีเอส” แบบนี้พาประเทศหลงทางแน่ เทียบกับรัฐบาล “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาล “เจ๊ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังเห็นเป้าหมายที่ชัดเจนกว่า ...เขียนนโยบายเหมือนเป็นแค่คำอธิษฐาน สิ่งที่หาเสียงไว้ ก็หาแทบไม่เจอ ยิ่งของพรรคร่วมแทบไม่เห็นเลย ...ไม่สมศักดิ์ศรีของ “ซีอีโอ”จากภาคธุรกิจเอกชนเลย ขาดความทะเยอทะยานที่จะทำให้สังคมก้าวหน้า ยิ่งเรื่องความเหลื่อมล้ำไม่พูดถึงเลย ใครฟังก็อยากลุกหนี

โดยเฉพาะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะใช้งบฯ 5.6 แสนล้านบาท ก็ไม่ยอมบอกที่มาของแหล่งเงิน จะใช้เงินในงบฯ นอกงบฯ หรือต้องกู้ ไม่ชัดเจนสักอย่าง

“การบริหารราชการแผ่นดินไม่ใช่การพนัน จะเทหมดหน้าตักแล้วไปหวังน้ำบ่อหน้าไม่ได้” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวทิ้งท้าย

วันชัย สอนศิริ - จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
ด้าน “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่าประชาธิปัตย์จะเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง แต่ไม่ค้านทุกเรื่อง แต่ดูมาตรฐานของนโยบายชุดนี้แล้ว “สวนทางกับความสูงของท่านนายกฯ” การตั้งโจทย์ประเทศ ก็คลุมเครือ ตัวนโยบายเลื่อนลอย ฟุ่มเฟือยด้วยวาทกรรม วนไปวนมา กลายเป็นหนังคนละม้วน ไม่ตรงปก ตามที่เคยหาเสียงไว้ อย่างค่าแรงปริญญาตรี 25,000 บาท ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท อยู่ๆ ก็เป็นนินจา หายไปแบบไร้ร่องรอย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทำทันที ก็ไม่รู้รถไฟฟ้าไปจอดหลับอยู่ที่ไหน โดนนักข่าวถาม รมว.คมนาคม ก็อึกอักๆ บอกว่าอีก 2 ปีจะทำ

ไปไป มามา ที่หาเสียงไว้ กลายเป็นแค่ลมปาก เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วต้องมีความรับผิดชอบด้วย อย่าให้เหมือนตอนไล่หนู ตีงูเห่า สุดท้ายทั้งหนู และงูเห่า มาอยู่ด้วยกัน และกลายเป็นนโยบายการละคร

นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ก็ไม่มีการชี้แจงที่มาของเงินที่ชัดเจน ยังไม่มีข้อสรุป แปลว่า เป็นนโยบายไปตายเอาดาบหน้า และต้องขอเตือนว่า อย่าให้เป็นการทุจริตเชิงนโยบายก็แล้วกัน ไม่งั้นเจอดี!!

“จุรินทร์” ทิ้งท้ายแบบจี้ใจดำไปถึงคนสำคัญของพรรคเพื่อไทยด้วยเรื่อง หลักนิติรัฐ นิติธรรม ต้องไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎหมาย ต้องบังคับใช้กฎหมายโดยเสมอกัน นักโทษทุกคนต้องเท่าเทียมกัน การพระราชทานอภัยโทษ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ผู้ได้รับอภัยโทษ ต้องสำนึก

รัฐบาลต้องทำให้วลีที่เราพูดกันติดปากว่า “คุกมีไว้แค่ขังคนจน กับคนไม่มีอำนาจ” มลายไปได้ โดยนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน"

ศิริกัญญา ตันสกุล
ขณะที่ “สว.วันชัย สอนศิริ” ลุกขึ้นมาอวยสุดลิ่ม บอกการที่ “เศรษฐา” ได้เป็นนายกฯ ในสถานการณ์แบบนี้ ถือว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดา ... เป็นฉันทามติร่วมกันของรัฐสภา ทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในไทยประเทศ ดลบันดาลประทานให้มาเป็น เพื่อแก้ความทุกข์เข็ญให้กับประชาชนคนไทย...ขนาดดาวมฤตยูที่ทับดวงเมืองมา ยังต้องย้าย ดาวราหูยังต้องไป ในวันที่ 17 ต.ค.นี้ กล่าวได้ว่า ...นายกฯเศรษฐามา ราหูยังต้องไป ความศิวิไลซ์จะบังเกิด สิ่งที่ไม่เคยเห็น จะได้เห็น สิ่งที่ไม่เคยเป็นจะได้เป็น สิ่งที่ไม่เคยมี จะได้มี ความสามัคคีจะตามมา รัฐบาลชุดนี้จึงเป็นความหวังของประเทศที่ทุกคนตั้งตารอ...

“ผมอยากให้รัฐบาลอยู่ครบเทอม เพราะเป็นความหวังของประชาชน อย่าให้เขาผิดหวัง รัฐบาลที่ผ่านมา ไปไม่รอดนั้น ส่วนใหญ่มาจาก หนึ่งพรรคร่วมทะเลาะกันเอง แตกแยกกันเอง สองมีการโกงกิน ทุจริตคอร์รัปชั่น สามไม่มีผลงาน ประชาชนไม่ยอมรับ ผมว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับรัฐบาลเศรษฐา”

การอภิปรายนโยบายของสมาชิกรัฐสภาในวันแรกนี้ ส่วนใหญ่แสดงความเป็นห่วงในเรื่อง “ดิจิทัลวอลเล็ต” ทั้งในเรื่องที่มาของเงิน และรัศมีการใช้จ่ายที่กำหนดไว้แค่ 4 กม. จากภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้าน ทำให้ “เศรษฐา” ต้องชี้แจงทำความเข้าใจอีกครั้งว่า ในพื้นที่ชนบท ระยะทางที่จะใช้ 4 กม.ที่อาจไม่เพียงพอนั้น รัฐบาลจะขอดูรายละเอียด และปรับหลักเกณฑ์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ในบางพื้นที่อีกครั้ง แต่ในเรื่องของระยะเวลา 6 เดือนนั้น จะไม่เปลี่ยน เพราะต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น กระตุ้นครั้งใหญ่ ให้เห็นผลโดยเร็ว


กำลังโหลดความคิดเห็น